3 กลุ่มธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบ หาก No-Deal Brexit เกิดขึ้น

 | Aug 22, 2019 07:57

โอกาสที่อังกฤษจะต้องแยกตัวจากสภาพยุโรป (อียู) ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้โดยแทบไม่มีเวลาเตรียมตัวสร้างสัมพันธไมตรีกับประเทศอื่นๆ ในทวีปเดียวกันเลยด้วยซ้ำนั้นกำลังมีสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุการณ์นี้เรียกได้อีกอย่างว่า การออกจากอียูโดย “ไม่ตกลง” กับข้อตกลงใดๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศ กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ และธุรกิจหลายแห่งต้องเคว้งคว้างโซซัดโซเซได้

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายไม่เคยประสบผลสำเร็จในการเจรจาร่วมกัน แถมยังสร้างความหงุดหงิดใจอยู่ตลอดเวลามาเป็นเวลาหลายปี ตำแหน่งทางการเมืองกลับเป็นสิ่งที่เริ่มมีความสำคัญยิ่งกว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษกล่าวว่าสหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจากอียูภายในเวลาสองเดือน ไม่ว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ก็ตาม และยื่นคำขาดให้อียูถอดมาตรการ backstop ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อป้องกันเขตชายแดนระหว่างไอร์แลนด์กับไอร์แลนด์เหนือออกจากข้อตกลงทั้งหมด

เยอรมนีคาดว่า “มีโอกาสสูงมาก” ที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากอียู จากข้อมูลใน เอกสาร ที่รั่วไหลออกมาจากกระทรวงการคลังระบุด้วยว่าเป็นเรื่อง “น่าประหลาดใจ” ที่นายจอห์นสันจะลดความแข็งขืนในท่าทีของตนลง นอกจากนี้ยังระบุไว้ด้วยว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่อียูจะต้องยึดตามแนวทางเดิมของตนไว้ต่อไปให้ได้ ทั้งนี้อียูได้ปฏิเสธการขอให้เปิดพิจารณาข้อตกลงในการถอนตัวที่เคยทำไว้กับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษคนก่อนอีกครั้งไปแล้ว

หากว่าอังกฤษจะต้องแยกตัวออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลงใดๆ ที่เหมาะสมมารองรับแล้ว สหภาพศุลกากรและหน่วยงานอื่นๆ ที่เป็นผู้ควบคุมการไหลเวียนของสินค้า ให้บริการหรือสนับสนุนด้านเงินทุนกับกลุ่มประชาชนอาจจะต้องย้อนกลับไปยึดตามกฎองค์การการค้าโลกอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอัตราภาษีหรือการตรวจคนเข้าเมือง และแน่นอนว่าจะต้องมีงานเอกสารต่างๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย

กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จะได้รับผลกระทบ/h2

กลุ่มอุตสาหกรรมหลักกลุ่มหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบหากสหราชอาณาจักรต้องแยกตัวออกจากอียูโดยไร้ซึ่งข้อตกลงใดๆ จริงคืออุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งจะเกิดผลกระทบกับทั้งสองฝั่งของ Brexit

ตำแหน่งงานนับแสนตำแหน่งในเยอรมนีก็อาจจะหายไปจากเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน