ภูมิศาสตร์ทางการเมืองยังเป็นปัจจัยหลักต่อตลาดหุ้นในช่วงที่ USD กำลังดีดตัวขึ้น

 | Sep 02, 2019 04:30

  • ตลาดหุ้นในเดือนสิงหาคมปิดตัวได้ต่ำลงท่ามกลางความผันผวนที่มากขึ้น
  • ความเสี่ยงของสถานการณ์ในภาพรวมยังน่าจะสร้างความผันผวนและทำให้ตลาดร่วงลงต่อในเดือนกันยายนได้
  • ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดได้นับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2017 เป็นต้นมา

สถานการณ์ในภาพรวมกำลังจะเกิดความเสี่ยงขึ้นอีกครั้งในการซื้อขายสัปดาห์แรกของเดือนกันยายนนี้ จากความผันผวนและความผิดหวังที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการปิดตลาดได้ต่ำลงเป็นครั้งแรกนับจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา

เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเข้ามามีผลกับตลาดนับจากวันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไปจะมีทั้งเรื่องของการเรียกเก็บภาษีกับสินค้าจากจีนมูลค่ากว่า 110,000 ล้านเหรียญ การที่นายไมเคิล บาร์เนียร์ หัวหน้าฝ่ายเจรจาของอียูกล่าวว่า “ยังไม่แน่ใจ” ว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้อังกฤษออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลงได้ รวมทั้งการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงที่เริ่มจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้ตลาดที่ปิดในวันเสาร์เป็นการปรับตัวลดลง ที่แย่ที่สุดในรอบสามเดือน เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมดแล้ว เราเชื่อว่าการซื้อขายในสัปดาห์นี้และอาจรวมไปถึงในเดือนนี้ทั้งเดือนก็จะยังคงมีความผันผวนหนักอีกครั้งจนอาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอีกได้

ข้อมูลทางเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ไม่สามารถช่วยชดเชยความผันผวนในตลาดได้/h2

ภายหลังการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงปิดตลาดเพียงเล็กน้อยนั้น ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ละตัวก็มีการปรับตัวแตกต่างกันไป โดยดัชนี ดาว และดัชนี S&P ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนดัชนี NASDAQ และ Russell 2000 ปรับตัวลดลง

ดัชนี S&P 500 ปรับเพิ่มขึ้น 0.06% โดยมีกลุ่มที่ปรับลดลงคือหุ้นกลุ่ม สินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งลดลง -0.6% ไปชดเชยกันกับกลุ่ม วัสดุก่อสร้าง ที่ปรับขึ้นได้ +0.67% เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นได้ 2.79% โดยหุ้นทุกกลุ่มปิดตลาดได้ในแดนบวกได้ทั้งหมด หุ้นกลุ่ม สาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น +1.79% ซึ่งถือว่าชะลอตัวลง ในขณะที่กลุ่ม อุตสาหกรรม ปรับขึ้น +3.61% แซงหน้าเป็นอันดับหนึ่ง

หากพิจารณาในรอบเดือนจะพบว่าดัชนี S&P 500 ปรับลดลงไป 2.88% โดยมีหุ้นกลุ่ม พลังงาน ลดลงไปมากที่สุดถึง -8.62% แต่ก็ได้รับแรงหนุนมาจากกลุ่มสาธารณูปโภคที่ +4.6% และกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ อีก +4.39%