เหตุผลที่ชี้ว่าช่วงเวลาแห่งการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงน่าจะสิ้นสุดลงแล้ว

บทความโดย Michael Kramer สำหรับ Investing.com โดยเฉพาะ

การที่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลเริ่มมีอัตราผลตอบแทนที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องนั้นแสดงให้เห็นว่าช่วงเวลาแห่งการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงน่าจะใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ในช่วงก่อนหน้านี้ นักลงทุนต่างเร่งหันหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยเนื่องจากปัญหาภูมิศาสตร์ทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างดุเดือดในเดือนสิงหาคมของหน้าร้อน ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิและความตึงเครียดต่างๆ ก็ดูจะผ่อนคลายลงและน่าจะทำให้นักลงทุนเริ่มอยากกลับเข้าสู่ “โหมดเสี่ยง” อีกครั้ง

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา (ดัชนีความผันผวน) เริ่มลดต่ำลงและยังน่าจะลดลงต่อไปได้อีกเนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีความกระตือรือร้นในการขยับตัวมากขึ้น ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้เกิดขึ้น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนซึ่งมีทีท่าว่าจะดีขึ้น ประกอบกับการที่รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจถอดถอน ร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ และโอกาสในการที่ อังกฤษจะออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลง มีน้อยลง ทำให้สถานการณ์ที่มืดมัวในเดือนที่แล้วกลับมาสดใสอีกครั้ง

สิงหาคมแห่งความผันผวน

สิงหาคมที่ผ่านมาถือว่าเป็นเดือนที่หนักหนาเอาการสำหรับตลาด ดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นผันผวนราว 4% และทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง ในขณะที่กลุ่มสินค้าจำเป็น กลุ่มสาธารณูปโภค และทองคำปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคมจนถึง 4 กันยายน กองทุนรวมดัชนีราคาหุ้นกลุ่มสินค้าจำเป็น (NYSE:XLP) ปรับตัวสูงขึ้นได้เกือบ 4% กองทุนรวมดัชนีราคาหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค (NYSE:XLU) ปรับตัวขึ้นมากกว่า 7% และกองทุนรวมดัชนีราคาทองคำ (NYSE:GLD) ปรับขึ้นได้มากกว่า 9% ซึ่งสูงกว่าดัชนี S&P 500 ที่ปรับลดลงไปมากกว่า 1%

ความกังวลที่เริ่มลดน้อยลง

นักลงทุนที่เคยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงน่าจะเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลง ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นจาก ดัชนีความผัวผวน ซึ่งตลอดช่วงเดือนสิงหาคมจะอยู่ในระดับระหว่าง 16 ถึง 21 แต่ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายนเป็นต้นมาดัชนีดังกล่าวเริ่มลงมาทดสอบที่ระดับ 16 อีกครั้งและมีแนวโน้มที่จะลดลงอีกเมื่อความกังวลเริ่มลดลง

นอกจากนี้ กองทุนรวมดัชนีทองคำปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความกังวลที่มากขึ้นเช่นกัน แต่ปัจจุบันราคาของ GLD (NYSE:GLD) เริ่มพุ่งเข้าหาแนวต้านที่ระดับประมาณ $149 โดยมีรูปแบบกราฟเป็นแบบพุ่งชนแล้วหนี (bump and run) ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลงรูปแบบหนึ่งที่ชี้ว่าราคาทองคำกำลังจะกลับตัวลง ในขณะเดียวกันเส้นดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) ก็เริ่มส่งสัญญาณเตือนว่าจะเกิดการกลับตัวเป็นขาลงจากการที่แนวโน้ม RSI เริ่มลดต่ำลง ในขณะที่ราคายังพุ่งสูงขึ้น หากราคาทองคำลดลงไปอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ระดับประมาณ $143 ก็อาจจะมีโอกาสลงไปแตะแนวรับที่ระดับ $136.50 หรือลดลงไปประมาณ 5% ได้

กราฟกองทุนรวมดัชนีราคาทองคำ

กองทุนรวมดัชนีราคาหุ้นกลุ่มสินค้าจำเป็นก็เริ่มส่งสัญญาณเตือนดังกล่าวออกมาเช่นเดียวกัน เมื่อพิจารณากราฟทางเทคนิคจะพบว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มทำรูปแบบลิ่มขาขึ้น นอกจากนี้ เส้น RSI ของกองทุนรวมดัชนีในกลุ่มนี้แสดงให้เห็นว่าเกิดรูปแบบ Divergence ที่ตรงข้ามกับราคาที่กำลังสูงขึ้น เนื่องจาก RSI มีแนวโน้มลดลง หากกองทุนดัชนีนี้ลดลงต่ำกว่าระดับ $60.90 ก็อาจจะลดลงต่อไปอีกถึง $57.75 หรือคิดเป็น 6% จากราคาปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณ $61.20

ราคากองทุนรวมดัชนีราคาหุ้นกลุ่มสินค้าจำเป็น XLP

ราคากองทุนรวมดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคก็ชี้ว่าการปรับตัวลดลงน่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้เช่นกัน ปัจจุบันเส้น RSI อยู่เหนือระดับ 70 และน่าจะชี้ว่าราคาในขณะนี้อยู่สูงเกินมูลค่าจริงไปแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นคือเดือนมีนาคม หลังจากนั้นกองทุนรวมดัชนีดังกล่าวก็มีการซื้อขายกันอย่างไรทิศทางในแนวราบเป็นเวลาถึงสองเดือน

กราฟกองทุนรวมดัชนีราคาหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค XLU

ความเสี่ยงกำลังจะกลับมา?

สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดที่บ่งบอกว่าการซื้อขายแบบหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนั้นกำลังจะสิ้นสุดลงคือดัชนี S&P 500 ซึ่งสามารถทะลุแนวต้านของเดือนสิงหาคมที่ระดับ 2,935 ไปอยู่ที่ 2,985 ได้ในวันที่ 5 กันยายนเนื่องจากนักลงทุนเริ่มต้องการกลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอีกครั้ง

กราฟดัชนี S&P 500

หากความกังวลในด้านภูมิศาสตร์ทางการเมืองที่เคยส่งผลกับตลาดในเดือนสิงหาคมเริ่มคลี่คลายลง นักลงทุนก็จะเริ่มหันหาความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งก็หมายความว่าตลาดหุ้นน่าจะสามารถปรับตัวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ได้อีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอป

เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก

ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

เขียนโดย: Investing.com