สัปดาห์นี้สงครามการค้าที่ตึงเครียดจะยังส่งผลให้ตลาดผันผวน นักลงทุนควรระมัดระวัง

 | Sep 23, 2019 04:54

  • ตลาดหุ้นปิดตลาดในรอบสี่สัปดาห์ได้สูงขึ้นในช่วงที่สงครามทางการค้าเริ่มคลี่คลาย

  • สินทรัพย์อื่นๆ ที่มีความปลอดภัยสูงอย่างเช่น ดอลลาร์ เยน และทองคำก็ยังปรับตัวขึ้นได้

ความตึงเครียดทางด้านสงครามทางการค้าเริ่มส่อแววให้เห็นอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และครั้งนี้ก็น่าจะส่งผลกับดัชนีตลาดหุ้นทั้ง S&P 500, ดาว, NASDAQ และ Russell 2000 ได้ค่อนข้างนานเลยทีเดียว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีทั้งหมดในที่สุดก็ได้ปรับตัวลดลงหลังจากที่มีการแกว่งตัวไปด้านข้างเนื่องจากการเจรจาทางการค้ากับจีนล่าสุดดูเหมือนจะมีความคืบหน้าไปในทางที่ดี แต่สุดท้ายก็อ่อนแรงลงไป

ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาได้เกือบสี่สัปดาห์ติดต่อกัน ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรยังปรับลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่ค่าเงิน ดอลลาร์ ประจำสัปดาห์กลับลำจากดิ่งลงจนเป็นขาขึ้นได้

นักลงทุนเริ่มหันกลับไปหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย/h2

ทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เผยว่าเขาไม่สามารถยอมรับ “ข้อตกลงเพียงบางส่วน” กับประเทศเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่างจีนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้จีนเคยตกลงว่าจะเพิ่มการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ แต่หลังจากนั้นกลุ่มผู้แทนจากจีนก็ได้ยกเลิกกำหนดการเยี่ยมชมไร่ที่รัฐมอนทานาไปเสียดื้อๆ ทำให้นักลงทุนที่ติดตามปัจจัยในเรื่องภูมิศาสตร์ทางการเมืองต้องรีบขายหลักทรัพย์ที่ตนถือแล้วหันไปหาสินทรัพย์อื่นที่มีความปลอดภัยกว่าอย่าง เงินเยน, ทองคำ และพันธบัตรแทน

ถึงแม้ว่าเราจะระมัดระวังกับความเสี่ยงของตลาดมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างที่น่าสังเกตก็คือประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวอีกเลย ทวิตเตอร์ของทรัมป์กลับมุ่งเน้นไปที่การเมืองภายในประเทศเสียมากกว่า นักลงทุนอาจจะตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์มากเกินไปหรือเปล่า?

แม้ว่ากำหนดการอย่างเป็นทางการในการเจรจาทางการค้าจะยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่เรายังอดสงสัยไม่ได้ว่าจีนน่าจะได้รับผลตอบแทนบางอย่างเพื่อให้เกิดการประนีประนอมกับทรัมป์ เพราะทรัมป์กำลังเตรียมการรับศึกหาเสียงครั้งใหม่ของสหรัฐฯ ในปี 2020 และเราเชื่อว่าในช่วงนี้ตลาดก็น่าจะขยับเขยื้อนไปไหนได้ไม่มากอีกพักใหญ่เลยทีเดียว

ดัชนี S&P 500 สัปดาห์นี้ลดลงไป 0.51% หุ้นกลุ่ม สินค้าฟุ่มเฟือย ถือเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในรอบสัปดาห์โดยปรับลดลงไป -2.46% รั้งสองอันดับสุดท้ายประจำวันศุกร์ โดยปรับลงไป -1.15% ทำให้เห็นภาพของความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับความกังวลในเรื่องสงครามการค้า เมื่อวันศุกร์ หุ้นกลุ่ม เทคโนโลยี เป็นกลุ่มที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดโดยปรับลดไป -1.17% ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลในเรื่องข้อพิพาทที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับการขโมยสิทธิบัตรและความปลอดภัยระดับชาติ