หุ้นของ Nike ใกล้จะขึ้นทำสถิติสูงสุดแล้วแต่ทำไมยังน่าซื้ออยู่

 | Sep 28, 2019 14:15

ในโลกที่ Amazon ยังครองอันดับหนึ่งเหนือคู่แข่งส่วนใหญ่ในตลาดอยู่เช่นนี้ จึงยากเหลือเกินที่จะมีบริษัทที่จะสามารถทำผลงานได้โดดเด่นเหนือความคาดหมายอย่างสม่ำเสมอได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีเสียทีเดียว เพราะหนึ่งในบริษัทที่มีความสามารถดังกล่าวก็คือยักษ์ใหญ่ในวงการผลิตภัณฑ์ทางด้านกีฬาอย่าง Nike นั่นเอง

บริษัท Nike เปิดเผยรายงานออกมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าบริษัทสามารถทำกำไรได้ $0.86 ต่อหุ้นสำหรับช่วง ไตรมาสแรกของปี ที่นับถึงเดือนสิงหาคมซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้อย่างมาก ผลกำไรในไตรมาสนี้ยังสูงกว่าตัวเลขขั้นสูงที่มีการคาดการณ์ของตลาดวอลล์สตรีทที่ระดับประมาณ $0.13 เซนต์ด้วยซ้ำไป ยอดขายของบริษัทยังมากขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และถือว่าขยายตัวขึ้นได้ 10% หลังพิจารณาความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว

ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา Nike สามารถทำผลงานดีกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ได้มากกว่า 90% ในขณะที่ในส่วนของการซื้อขายออนไลน์ Amazon ยังคงเป็นผู้ครองตลาดหากพิจารณาในเรื่องปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภค

กลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทเติบโตได้ดีเช่นนี้เรียกว่า “กลยุทธ์การใช้สามสิ่งที่มีเป็นสองเท่า” ซึ่งหมายถึงการใช้แหล่งทรัพยากรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ากับการทำธุรกิจดิจิทัล การเร่งสร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์
แบบ 1 ต่อ 1”

ผู้บริหารหลายคนของบริษัทก็เลือกใช้รูปแบบภาษาเช่นเดียวกันนี้ในการสื่อสารกับผู้ถือหุ้นเช่นกัน แต่สำหรับ Nike แล้ว บริษัทมีข้อมูลที่เห็นได้ชัดเจนมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวด้วย แบรนด์ของ Nike ได้กลายมาเป็นแบรนด์ที่ทรงพลังมาก เพราะผลิตภัณฑ์รองเท้าและชุดกีฬาของ Nike นั้นไม่ได้มีไว้เพื่อการสวมใส่ในการออกกำลังกายหรือใช้เฉพาะในสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังใช้ได้ในทุกหนแห่งอีกด้วย

Nike ยังเป็นผู้ชนะตลอดกาล/h2

ผลจากความพยายามดังกล่าวทำให้ Nike ขึ้นแท่นเป็นผู้ครองตลาดที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดยุโรปของตนเองอย่าง Adidas AG นอกจากนี้ธุรกิจของ Nike ยังคงเติบโตได้ดีในตลาดเอเชียอีกด้วย

จากข้อมูลในรายงานผลประกอบการล่าสุด เฉพาะยอดขายในประเทศจีน หากยังไม่พิจารณาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน NIke ก็สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 27% แม้ว่าสงครามการค้าจะยังดุเดือดอยู่ก็ตาม ทั้งที่บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจในจีนน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักด้วยซ้ำไป

สิ่งที่ Nike มีความเชี่ยวชาญมากอีกอย่างหนึ่งคือกลยุทธ์การซื้อขายออนไลน์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดต้นทุน เร่งยอดขาย และเพิ่มผลกำไรให้ได้มากขึ้น ธุรกิจการขายในช่องทางดิจิทัลของ Nike เพิ่มมากขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมาซึ่งเติบโตขึ้นได้ 35% และในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายธุรกิจไปทั่วภูมิภาคอเมริกาเหนือจนทำให้เติบโตขึ้นได้ 30% สำหรับในยุโรป ตะวันออกกลาง และอาฟริกาก็เติบโตขึ้นได้เป็นตัวเลขสองหลักเช่นกัน ส่วนเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาใต้ธุรกิจเติบโตขึ้นถึง 50% และในจีนก็ก้าวกระโดดขึ้นมาได้มากกว่า 70%

Nike ยังคงสามารถรักษาการเติบโตของรายได้รายปีในอัตราที่เป็นตัวเลขหลักเดียวที่ค่อนข้างสูงไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ และปรับตัวเลขกำไรที่คาดการณ์ขึ้นมา 50-75 จุดเบสิส ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50 จุดเบสิส