Haris Anwar | Jan 13, 2020 05:02
หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาตลอดในช่วงสัปดาห์ที่แล้วตอนนี้ถึงเวลาที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายอีกครั้งนั่นคือการรายงานผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้
ตัวเลขอัตราการเติบโตของแต่ละบริษัทต้องพิสูจน์ให้นักลงทุนเห็นให้ได้ว่าการปรับตัวสูงขึ้นของตลาดหุ้นเมื่อปีที่แล้วไม่ใช่เรื่องที่คิดไปเองแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าปัญหาเรื่องตัวเลขผลประกอบการไม่ถึงเป้าที่คาดการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับบริษัทชื่อดังหลายแห่งของสหรัฐฯ
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญซึ่งเป็นผลพวงมาตั้งแต่ปีที่แล้วและตลาดก็หวังว่าจะได้เห็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆ เสียทีนั่นก็คือการตกลงเซ็นสัญญาการค้าขั้นแรกระหว่างสหรัฐฯ - จีน นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงฯ นี้ว่าจะมีภาคส่วนไหนได้รับการเอื้อประโยชน์บ้าง
ในสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นของตลาดหุ้นนี้ทางเรามีหุ้นที่น่าสนใจ 3 ตัวมานำเสนออีกเช่นเคย:
1. JPMorgan Chase & Co
เมื่อพูดถึงบริษัทชื่อดังผู้มีอิทธิพลเป็นอย่างสูงในวงการโฆษณาและธนาคารด้านการลงทุนแน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เจพีมอร์แกนเชส แอนด์ โค (NYSE:JPM) ซึ่งจะประกาศตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 วันอังคารนี้ นักวิเคราะห์มองว่าในไตรมาสที่ 4 นี้บริษัทเจพีมอร์แกนฯ จะสามารถปันผลได้ $2.35 ต่อหุ้นด้วยยอดขายมากถึง $27,870 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปี 2019 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ดีของบริษัทเจพีมอร์แกนฯ ด้วยอัตราการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นและการยังคงรักษาตำแหน่งแนวหน้าของธนาคารด้านการลงทุนไว้ได้ ในไตรมาสที่ 3 เจพีมอร์แกนได้เปิดเผยตัวเลขยอดรายได้จากการบริหารกองทุนและตัวเลขค่าธรรมเนียมในการฝากเงินลงทุนซึ่งสูงที่สุดในรอบ 3 ปีของบริษัท
ด้วยรายได้มหาศาลจากไตรมาสล่าสุดจึงทำให้หุ้นของเจพีมอร์แกนยังคงเป็นที่น่าลงทุนในปีนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนหุ้น JPM พึ่งจะทำสถิติสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ $141.10 คิดเป็นการปรับตัวสูงขึ้น 35% ในปีที่แล้วแม้ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากราฟจะมีราคาปิดอยู่ที่ $136.07 คิดเป็นการปรับตัวลดลงมา 1%
แม้ว่าเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นปัจจัยที่นักลงทุนกังวลแต่บริษัทเจพีมอร์แกนก็สามารถชดเชยปัญหานี้ได้จากอัตราการกู้ยืมที่จะเพิ่มสูงขึ้น นี่คือสิ่งที่นายเจมี ไดมอน CEO ของบริษัทเจพีมอร์แกนฯ ให้สัมภาษณ์กับนักวิเคราะห์รายหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว
2. Delta Air Lines
สายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (NYSE:DAL) จะมีรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในวันพฤหัสบดีเช่นเดียวกัน นักวิเคราะห์มองว่าสายการบินนี้จะสามารถปันผลได้ $1.34 ต่อหุ้นด้วยยอดขาย $11,340 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับวงการสายการบินในสหรัฐฯ ตอนนี้เดลต้าแอร์ไลน์ถือเป็นบริษัทที่ทำกำไรรวมสุทธิได้สูงที่สุด ทำให้นายให้นาย เอ็ด บาสเตียน CEO ของบริษัทวางแผนที่จะขยายกิจการของสายการบินนี้ออกไปอีก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านสายการบินเดลต้าพึ่งตกลงจ่ายเงินเป็นมูลค่า $1,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อถือหุ้น 20% ของสายการบินลาแทมแอร์ไลน์ (LATAM Airlines Group) (NYSE:LTM) ซึ่งเป็นสายการบินลาตินอเมริกาที่ใหญ่ที่สุด
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาสายการบินเดลต้าพึ่งประกาศตัวเลขประกอบการที่ทางบริษัทคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ในปี 2020 โดยมีตัวเลขอยู่ระหว่าง $6.75 - $7.75 ต่อหุ้น นักวิเคราะห์ได้เปรียบเทียบตัวนี้จากค่าเฉลี่ยปกติที่ $7.06 จากตัวเลขปริมาณความต้องการเดินทางของผู้คน ถือเป็นตัวเลขที่สร้างการเติบโตให้กับรายได้มากถึง 4-6% สร้างกระแสเงินสดให้บริษัทมากกว่า $4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. Schlumberger
บริษัทชลัมเบอร์เจอร์ (NYSE:SLB) ผู้ประกอบกิจการประเภทขุดเจาะและขายน้ำมันจะรายงานผลประกอบของไตรมาสที่ 4 ในวันศุกร์โดยนักวิเคราะห์มองว่าบริษัทนี้จะสามารถปันผลได้ $0.37 ต่อหุ้นด้วยยอดขาย $8,170 ล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้นของบริษัทชลัมเบอร์เจอร์ผู้มีสาขาย่อยอยู่ใน 120 ประเทศทั่วโลกกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมปี 2019 โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทปิดตัวที่ $39.83 คิดเป็นการปรับตัวขึ้นมาตลอดสามเดือนอยู่ที่ 30%
บริษัทชลัมเบอร์เจอร์สร้างกำไรส่วนใหญ่มาจากบริษัทที่อยู่นอกประเทศสหรัฐฯ และแคนาดา คาดว่าตัวเลขการเติบโตของบริษัทในปี 2019 จะมีตัวเลขไม่เกินหลักเดียว เชื่อว่าจะมีตัวเลขการใช้จ่ายของบริษัทอยู่ที่ 8% อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทผู้ประกอบการรายอื่นในธุรกิจคล้ายกันพบว่าบริษัทสลัมเบอร์เจอร์สามารถทำกำไรได้มากกว่าถึง 4 เท่า
การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา