ดอลลาร์ร่วงเพราะการอัดฉีดเงินเพิ่มของเฟดและจำนวนคนตกงาน

 

อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้ตลาดกำลังให้ความสำคัญกับตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่มีความสำคัญไม่แพ้ตัวเลขนอนฟาร์มและหนึ่งในผู้สังเกตการณ์นั้นก็คือธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ไม่นิ่งดูดายต่อตัวเลขที่คนตกงานเหล่านี้ที่สูงทำสถิติ 3 สัปดาห์ติด เมื่อคืนนี้เฟดจึงได้ตัดสินใจประกาศอัดฉีดเงินเพิ่มอีก 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐโดยเป้าหมายของการอัดฉีดเงินรอบนี้คือต้องการให้เงินสามารถเข้าถึงธุรกิจ SME ที่มีพนักงานไม่เกิน 10,000 คนได้โดยตรงและมีกำไรไม่เกิน $2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้เฟดยังจะปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมากให้กับธุรกิจขนาดกลางและเล็กด้วยวงเงินไม่เกิน $1-25 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายเจอโรม พาวเวลล์ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คนปัจจุบันได้ให้ความเห็นหลังจากประกาศมาตรการเยียวยาระลอกที่สองไปแล้วว่า “ในช่วงไตรมาสที่ 2 จะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบมากที่สุดและมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นตัวเลขคนว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงไตรมาสที่ 2 นี่เองที่เราจะได้เห็นตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดก่อนที่ตลาดจะเริ่มค่อยๆ ฟื้นตัวได้จากการควบคุมโรคที่เริ่มเห็นผล” 

แถลงการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่ประธานเฟดออกมายอมรับว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งสามารถตีความได้ว่าไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าสหรัฐฯ หรือเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเมื่อไหร่ ตอนนี้เฟดมีกำลังเพียงแค่ให้ยืมแต่ไม่สามารถนำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ สิ่งที่สะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในตอนนี้ได้เป็นอย่างดีเลยคือดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยมหาลัยมิชิแกนที่ร่วงลงต่ำที่สุดในรอบ 8 ปีซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งแน่นอนแล้ว นอกจากนี้ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ก็ปรับตัวลดลงแต่น้อยกว่าที่คาดการณ์

 

ข้อมูลตัวเลขของทางฝั่งแคนดาก็ไม่อาจดูแคลนได้ จากรายงานที่ได้รับพบว่าเมื่อเดือนที่แล้วมีชาวแคนาดาตกงานมากกว่า 1 ล้านคน แต่แทนที่กราฟ USD/CAD จะพุ่งขึ้นสกุลเงินแคนาดาดอลลาร์กลับได้รับข่าวดีจากการจะลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกทำให้ราคาหลุดแนวรับ 1.40 และลงไปสร้างจุดต่ำสุดที่ 1.3931 ได้ อย่างไรก็ตามข้อมูลตัวเลขการว่างงานและดัชนี PMI ของ IVEY ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเศรษฐกิจแคนาดาก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่น้อย นี่พึ่งจะเป็นข้อมูลชุดแรกเท่านั้นเชื่อว่าตัวเลขของเดือนเมษายนนี่จะต้องออกมาแย่ชนิดที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน

กราฟ EUR/USD ปรับตัวสูงขึ้นเหนือ 1.09 จากตัวเลขข้อมูลทางเศรษฐกิจของเยอรมันที่ดีขึ้น รายงานบัญชีการค้าและบัญชีเดินสะพัดเติบโตขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ เยอรมันต้องขอบคุณที่การส่งออกของประเทศยังแข็งแกร่งอยู่ ถึงกระนั้นคำพูดของนางอังเกลา แมร์เคิลผู้นำของเยอรมันที่บอกว่ามาตรการรัดกุมเพื่อชะลอการแพร่เชื้อไวรัสอาจจะไม่จำเป็นขนาดนั้นทำให้นักลงทุนมีความเป็นกังวล สเปนกับอิตาลีอาจจะต้องยืดระยะเวลาการปิดเมืองออกไป รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของหลายๆ ประเทศในสหภาพยุโรปได้ข้อสรุปร่วมกันเมื่อวานว่าจะให้การช่วยเหลือประเทศกลุ่มสมาชิกเท่าที่จะเป็นไปได้

 

สกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในสัปดาห์นี้คือออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการอ่อนมูลค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินปอนด์ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ทางธนาคารกลางแห่งอังกฤษ (BoE) ออกมาบอกว่าพวกเขาพร้อมที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือปัญหาทางการเงินทุกอย่างและรัฐบาลสามารถปล่อยกู้เพิ่มได้เลย ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรก็ไม่ได้แย่นัก ตัวเลขผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรมและการผลิตดีขึ้นแต่ตัวเลขการขาดดุลทางการค้าในเดือนกุมภาพันธ์นั้นออกจะสูงเกินไปหน่อย อาการของนายกรัฐมนตรีนายบอริส จอห์นสันดีขึ้น เขาได้ออกจากห้อง ICU แล้วและเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ปอนด์ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

หมายเหตุ: ถึงแม้วันนี้ตลาดหลักทรัพย์ทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ จะหยุดทำการแต่ข่าวการประชุม G20 และดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ยังถือว่าสำคัญและนักลงทุนควรให้ความสนใจ