ภาพรวมรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1: บริษัทส่วนใหญ่ต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาได้

 | May 13, 2020 11:52

ตอนนี้มหกรรมรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ก็ใกล้จะจบลงแล้วซึ่งเป็นเอกฉันท์ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือที่เรียกกันในนาม “โควิด-19 (COVID-19)” สร้างผลกระทบเศรษฐกิจโลกทุกภาคส่วน กระทั่งบริษัทใหญ่ที่ได้ชื่อว่าเป็นอันดับต้นๆ ของวงการยังสามารถคาดการณ์อนาคตตัวเลขผลกำไรของตัวเองได้ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร

แม้จะมีคำแนะนำหรือวิธีการที่จะช่วยฟื้นตัวเลขผลประกอบการออกมากมายแต่จากจุดที่เรายืนอยู่ตรงนี้ (เกือบครึ่งปี 2020 แล้ว) คงต้องยอมรับว่าการกลับมาของเศรษฐกิจแบบ V-shape คงจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ผลสำรวจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ เดือนนี้ซึ่งสำรวจไปยังผลกระทบที่ไวรัสสร้างต่อตัวเลขผลประกอบการโดยตรงระบุว่าบริษัทส่วนใหญ่เป็นกังวลกับอนาคตมากกว่าสมัยวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 เสียอีก

นักเศรษฐศาสตร์นาย Andrew Y. Chen และ Jie Yang เขียนบทสรุปสภาพบริษัทเอกชนในสหรัฐฯ ขณะนี้ว่า 42% ของบริษัทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเงินกำลังประชุมกันเพื่อหารือเรื่องการลดงบประมาณสำหรับการลงทุน 27% กำลังพูดกันถึงเรื่องการลดขนาดความสามารถในการแข่งขัน การชำระเงินให้แก่ผู้ถือหุ้น 17% พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะขอผ่อนผันชำระหนี้ของบริษัท หากเทียบกับการหดตัวทางเศรษฐกิจเมื่อครั้งที่แล้วพบว่าตัวเลขเปอร์เซนต์เหล่านี้เคยมีตัวเลขอยู่ที่ 25%, 11% และ 7% ตามลำดับเท่านั้น

“จากข้อมูลตัวเลขเหล่านี้สรุปได้เลยว่าไวรัสโควิด-19 สร้างความกังวลให้กับบริษัทในสหรัฐฯ ได้มากกว่าสมัยวิกฤตทางการเงินปี 2008 เสียอีก” นักเศรษฐศาสตร์ทั้งสองกล่าว

รายงานผลประกอบการจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเห็นความไม่แน่นอนในกระบวนการทั้งหมดของบริษัทจนไม่สามารถนำมาคาดการณ์อัตราการเติบโตและผลกำไรของบริษัทในอนาคตได้

h2 แม้แต่ FAANG ยังปั่นป่วน/h2
ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

บริษัทชื่อดังที่มีเจ้าของเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก ณ ตอนนี้อย่างแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) ก็มีปัญหาที่พวกเขาไม่สามารถแก้ไขได้ซ่อนอยู่ แม้ว่าช่วงก่อนเราจะเห็นข่าวว่าแอมะซอนมีอัตราการเติบโตของการขายสินค้าในช่วงวิกฤตโควิด-19 มากที่สุดตลอดระยะเวลา 8 ปี แต่จริงๆ แล้วตอนนี้แอมะซอนกำลังประสบปัญหาค่าขนส่งสินค้าที่แพงขึ้นท่ามกลางการปิดล็อกเมืองซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้ในขณะที่พยายามจะรักษาพนักงานที่จ้างเอาไว้ด้วย

เจฟฟ์ เบซอส CEO ของบริษัทแอมะซอนพูดเมื่อวันที่ 23 เมษายนในขณะที่กำลังรายงานผลประกอบการของบริษัทว่า “ในไตรมาสที่ 2 เราอาจจะได้เห็นแอมะซอนเสียกำไรไปมากถึง $1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หากคุณเป็นผู้ที่ถือหุ้นของแอมะซอนอยู่ โปรดรัดเข็มขัดเพื่อรับแรงกระแทกเอาไว้ให้มั่น”

แม้แต่บริษัทผู้ผลิตมือถือชื่อดังอย่างไอโฟน (iPhone) (NASDAQ:AAPL) ยังปฏิเสธและไม่กล้าคาดการณ์ตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสปัจจุบัน นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่แอปเปิลไม่กล้าพูดอะไรอย่างเปิดเผยตั้งแต่การรายงานผลประกอบการครั้งแรกในปี 2003