กาแฟจะสามารถกลับขึ้นมาได้หรือไม่หลังจากผ่านปีแห่งความยากลำบากมาตลอด 2 ปี

 | Jun 01, 2020 12:39

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:CQG

- ปี 2018 ถึง 2019 คือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผู้ปลูกกาแฟ
- บราซิลคือประเทศผู้ส่งออกกาแฟเป็นหลัก
- พฤติกรรมราคาช่วงปี 2008 -2011 สามารถบอกอะไรบางอย่างแก่สินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มเกษตร

กาแฟถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทหนึ่งที่ถูกจัดให้อยู่ในสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทการเกษตรที่มีตลาดการซื้อขายกาแฟอาราบิก้าล่วงหน้าในตลาด ICE สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งเป็นตัวแปรของสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มการเกษตรคือสภาพอากาศที่มีผลกระทบต่อการเติบโตของสินค้าเกษตรในพื้นที่ต่างๆ ของโลกและเพราะกาแฟถือเป็นสินค้าที่มีอายุการบริโภคสั้นดังนั้นการเก็บกาแฟเอาไว้เป็นเวลานานจึงไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับวงการนี้

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

ในขณะที่ฝั่งผู้ผลิตมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องจัดการกับกาแฟให้เหมาะสมแต่ในแง่ของความต้องการแล้วกลับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จากข้อมูลของการสำรวจสำมโนประชากรสหรัฐฯ เผยว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาโลกเรามีมนุษย์เพิ่มขึ้น 6 ล้านคนคิดเป็น 27.5% หรือรวมแล้วทั้งสิ้น 7,650 ล้านคน นอกจากนี้กาแฟยังได้รับความนิยมในฝั่งเอเชียเพิ่มมากขึ้น สามารถดูได้จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการดื่มชาเป็นกาแฟและในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแบรนด์กาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัคส์ (NASDAQ:SBUX) สามารถขยายสาขาได้มากกว่า 5,000 สาขาในประเทศจีน นี่ยังไม่นับแบรนด์กาแฟอื่นๆ อีกมากมายที่เห็นกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของโลก จากสาเหตุนี้ทำให้ปริมาณความต้องการเมล็ดกาแฟเพิ่มสูงขึ้นและความสามารถในการผลิตกาแฟต้องสามารถผลิตได้มากพอเพื่อรองรับความต้องการกาแฟของคนทั้งโลก 

ตั้งแต่ช่วงต้นปี 1970 เป็นต้นมาตลาดซื้อขายล่วงหน้าของกาแฟในตลาด ICE มีราคาเทรดต่ำสุดอยู่ที่ 41.50 เซนต์และเคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ที่ $3.375 ต่อปอนด์ ล่าสุดด้วยความผันผวนของตลาดกาแฟทำให้ราคาปรับตัวลดลงไปอยู่ต่ำกว่า $1 และเข้าใกล้จุดต่ำสุดในระยะยาว

ปี 2018 ถึง 2019 คือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผู้ปลูกกาแฟ/h2

ก่อนถึงปี 2018 ครั้งสุดท้ายที่ราคาซื้อขายกาแฟล่วงหน้าในตลาด ICE มีราคาเทรดต่ำกว่า $1 ต่อปอนด์คือปี 2006