BANGKOK EXPRESSWAY AND METRO (BEM) เต็งหนึ่งการประมูลสายสีส้มที่กำลังจะมาถึง

 | Jun 11, 2020 03:49

สรุปสาระสำคัญจากการประชุม Analyst Meeting 202

1) ธุรกิจทางด่วนเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่รวดเร็วสะท้อนจากจำนวนผู้ใช้เฉลี่ยต่อวันในเดือน พ.ค. 63 ที่ 8.0 แสนเที่ยว (-34% YoY) และล่าสุดในวันที่ 5 มิ.ย. 63 กลับมาอยู่ที่ 1.1 ล้านเที่ยว (ค่าเฉลี่ย ก่อนได้รับผลกระทบ COVID-19 อยู่ที่ราว 1.2 ล้านเที่ยว)

2) ธุรกิจรถไฟฟ้าแม้ได้รับผลกระทบเชิงลบจากมาตรการป้องกัน อาทิ มาตรการล็อคดาวน์ และ Social distancing ทำให้จำนวนผู้ใช้เฉลี่ยต่อวันลดลงเป็น 7.8 หมื่นเที่ยว (-73.5% YoY) และ 1.2 แสนเที่ยว (-60.7% YoY) ในเดือน เม.ย. 63 และ พ.ค. 63 ตามลำดับ แต่จำนวนผู้ใช้ล่าสุด ในวันที่ 5 มิ.ย. 63 ปรับตัวดีขึ้นเป็น 2.1 แสนเที่ยวละคาดปรับตัวดีขึ้นเข้าสู่สภาวะปกติได้ภายใน ปี 2564

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

3) ปัจจัยบวกหลักในระยะยาวสำหรับ BEM คือการได้ต่อสัมปทานทางด่วนใน Sector A,B,C,D และ C+ โดยสัมปทานจะสิ้นสุดในเดือน ต.ค. 78 คาดส่งผลให้ค่าเสื่อมลดลงราว 1.9-2.0 พันลบ. ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไปเป็นบวกต่อกำไรปกติและกระแสเงินสดที่จะมั่นคงในระยะยาว

4) Upside Risk ที่เราและตลาดยังไม่ให้มูลค่า คือ การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์) คาดรัฐออก TOR ในปลายเดือนมิ.ย. หรืออย่างช้าใน 3Q63 เราคงมุมมอง BEM+CK เป็นตัวเต็งในการประมูลเนื่องจากเป็นสายรถไฟฟ้าใต้ดินทั้งเส้น ซึ่ง CK เป็นบริษัทที่มีศักยภาพและประสบการณ์ในการสร้างและขุดเจาะอุโมงค์ และจะเชื่อมกับสายสีน้ำเงินบนสถานีศูนย์วัฒนธรรม และสถานีบางขุนนนท์ ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างต่ำกว่าคู่แข่ง เบื้องต้น เราประเมินสายสีส้มหาก Saturate จะมีจำนวนผู้ใช้ ราว 40-70% ของสายสีน้ำเงินคิดเป็นมูลค่าเพิ่มอย่างน้อย 1.50 บาท/หุ้น

5) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ครุใน) คาดเป็นระบบ O&M และเห็นความ ชัดเจนในช่วง 2H63-1H64 โดยคาด BEM เป็นตัวเต็งอีกเช่นกันจากการที่ปัจจุบันเป็น Operator ในสายสีม่วงเดิม (เบื้องต้นหากเป็นระบบ O&M เนื่องจากส่วนต่อขยายเป็นทางใต้ดิน ทำให้ค่าเดินรถมีโอกาสสูงขึ้นกว่าส่วนแรกที่ได้ราว 1.8 พันลบ. ต่อปี )

6) โครงการทางด่วน Double Deck ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติ EIA คาดเห็นความชัดเจนในปี 2564-65 หากเกิดขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อปริมาณจำนวนผู้ใช้และอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการ ต่ออายุสัมปทานทางด่วนเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อแลกกับการช่วยรัฐลงทุน Double Deck เป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม

ความเห็น:

เราคงมุมมองบวกต่อ BEM หลังการประชุม เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2563 ที่ 11.80 บาทต่อหุ้น และให้ BEM เป็นตัวเลือกเด่นของกลุ่มขนส่ง จาก 1) ผลกระทบจาก COVID-19 เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดระยะยาวและ Valuation ของ BEM อย่าง มีนัยสำคัญ แต่2) หุ้นมีUpside Risk ที่กำลังจะเกิดขึ้นในระยะ 1-3 ปี ข้างหน้า ต่อเนื่อง ได้แก่ 1) การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 2) สายสีม่วงส่วนต่อขยาย และ 3) โครงการทางด่วน Double Deck ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการ