กลับไปล็อคดาวน์อีกรอบหรือไม่ Dow Jones ก็จะไปต่ออยู่ดี

 | Jun 17, 2020 07:43

เราเพิ่งได้เห็นอภินิหารจากเฟดอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการประกาศว่า จะเริ่มเข้าซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนเป็นรายตัว จากเดิมที่ซื้อผ่านกองทุน ETF โดยจะซื้อด้วยวงเงิน $750 billion เงื่อนไขคือ หุ้นกู้ตัวนั้นๆ จะต้องมี Rating BBB- ก่อนวันที่ 22 มี.ค. ที่เฟดประกาศโครงการ secondary market corporate credit facility

ผลของการประกาศครั้งนี้ หยุดแรงขายของนักลงทุนได้ทุกสินทรัพย์ ทั้งตราสารทุน ทั้งตราสารหนี้ และ แม้แต่ทองก็ยังเด้งขึ้นมาด้วย

ในฝั่งของตราสารหนี้นั้นได้ประโยชน์ตรงๆ จากการที่ Credit Spread กลับมาแคบอีกครั้ง เพราะนักลงทุนมั่นใจขึ้นมาทันทีว่า ตราสารหนี้ที่ตัวเองถือนั้น ยังไงก็ไม่ Default เพราะมีรัฐบาลอุ้ม แรงซื้อก็เลยกลับเข้ามา

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

ซึ่งความตั้งใจของเฟด ก็คือ พยายามจะเข้าควบคุมส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างหุ้นกู้เอกชน กับ ผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ เพราะหากมันถ่างออกมากจนเกินไป ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทเอกชนที่สูงขึ้น จะหมายถึงความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ตามมา

*ในมุมมองส่วนตัวของผม นี่คือท่าแรกก่อนที่จะไปใช้ท่าไม้ตาย Yield Curve Control ภายในครึ่งปีหลัง เราเรียกท่านี้ไปพลางๆก่อนว่า "Spread Control"

กระบวนท่าของเฟดรอบนี้ ตลาดหุ้นได้อานิสงส์ เพราะ เหล่าหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่ Sensitive กับการ Lockdown อย่าง Energy , Airlines, Retailers เหล่านี้ เท่ากับกำลังจะมีกรรมการมาช่วยอุ้มให้อีกรอบ ไม่ว่าจะเกิดการระบาดระลอก 2 จนต้องปิดเมืองอีกครั้งหรือไม่

ภาพที่เห็นก็เลยกลายเป็นหุ้นเหล่านี้ วิ่งกลับตัวได้ดีกว่ากลุ่มเทคโนโลยี ที่เป็นผู้นำตลาดในช่วงที่ผ่านมา

เมื่อคืนนี้นายเจอโรม พาวเวล ก็ได้มีออกมาให้ความเห็นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่เฟดทำไปไว้น่าสนใจหลายประเด็น ตามนี้

1. ยังเตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ขณะที่ธุรกิจขนาดย่อม และผู้ที่มีรายได้ระดับต่ำ รเป็นกลุ่มที่เผชิญความเสี่ยงมากที่สุด

2. การฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าประชาชนจะมีความเชื่อมั่นว่าไวรัสดังกล่าวได้ถูกควบคุมแล้ว

3. เฟดจะยังคงใช้ "เครื่องมือทุกอย่าง" เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ (แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเฟดจะดำเนินมาตรการใดในอนาคต)

4. เฟดพร้อมจะถอนเครื่องมือทั้งหมดออก หากมีสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว และถึงเป้าหมายที่เฟดตั้งใจ ก็คือ การจ้างงานกลับมาฟื้น และ เงินเฟ้อกลับมาอยู่ในระดับ เป้าหมาย (Dual Mandate)

5. พาวเวล กล่างอ้างว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 17.7% ในเดือนพ.ค. ที่ทำสถิติทะยานขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 8.0% เป็นหลักฐานหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า เครื่องมือของเฟดทำงานได้อย่างดี และมีความจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง

ออกมาย้ำกันขนาดนี้ว่าจะทำทุกอย่าง แต่ก็เตือนตลาดว่า มีกลุ่มคนที่มีความเสี่ยง คือเหล่า SME และผู้มีรายได้น้อย ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนก็เลยขึ้นแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก และแรงซื้อ มาจากความคาดหวังของมาตรการอัดฉีด มากกว่าจะเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้หลังจากนี้จริงๆ

นี่คือสิ่งที่นักลงทุนต้องชั่งน้ำหนักกันต่อไปว่า ตลาดจะให้น้ำหนักแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

มุมมองทางเทคนิค

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ตลาด เหมือนจะจบการพักฐานอย่างรวดเร็ว ทั้ง Dow Jones และ S&P500 ก็ยืนเหนือ EMA 200 วันอีกรอบ น่าจะได้สิทธิไปต่ออีกซักช่วงหนึ่ง