ภาพรวมตลาดลงทุนรายสัปดาห์:ความหวังเศรษฐกิจฟื้นสร้างความผันผวนให้ตลาดลงทุนเพิ่มขึ้น

 | Aug 03, 2020 07:09

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะขึ้นไปต่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับกฎหมายเยียวยาโควิด
- มีสัญญาณชี้ให้เห็นความผันผวนในเดือนสิงหาคมที่พึ่งมาถึง
- ตลาดหุ้นยังคงวิ่งสวนทางความเป็นจริงเมื่อเทียบกับทองคำ VIX และราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

 

แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะส่งท้ายเดือนกรกฎาคมด้วยการปิดบวกเมื่อวันศุกร์ซึ่งได้แรงผลักดันมาจากตัวเลขผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้และตัวเลข GDP ที่ลดลงแต่ไม่มากเท่ากับที่คาดการณ์ แต่เมื่อมองมาในเดือนสิงหาคมที่พึ่งมาถึงนี้ สัญญาณการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนก็ยังเป็นเพียงความฝันอันเลื่อนลอยของนักลงทุนในตลาด

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

 

อันที่จริงแล้วแรงขาขึ้นเฮือกสุดท้ายก่อนปิดตลาดเกิดมาจากมีข่าวที่รายงานว่าสภาคอนเกรสและพรรคเดโมแครตมีแผนที่จะประชุมกันเมื่อวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคมที่พึ่งผ่านมาเพื่อหาข้อสรุปให้กับเงินเยียวยาเศรษฐกิจจากวิกฤตโรคระบาดให้ได้ ก่อนหน้านั้นตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทยังคงอยู่ในตลาดหมีเมื่อได้เห็นตัวเลขสถิติยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นสร้างสถิติใหม่ในรัฐฟลอริด้าสูงขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน นอกจากนี้ยังมียอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นในรัฐอาร์ริโซน่าและนิวเจอร์ซีย์

 

ขาขึ้นยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2019 VS ตัวเลข GDP ตกต่ำมากที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

 

เมื่อลองพิจารณาภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ แบบเดือนต่อเดือนจะพบว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นมาเป็นเดือนที่ 4 แล้วซึ่งถือเป็นขาขึ้นที่กินเวลายาวนานที่สุดหากนับมาตั้งแต่เดือนธันวาคมมาจนกระทั่งถูกเทขายเมื่อเดือนมีนาคมเพราะไวรัสโคโรนา ในเดือนกรกฎาคมตลาด NASDAQ สามารถทำผลงานปิดบวกได้ 1.49% เมื่อเทียบจากจุดเปิดต้นเดือนในขณะที่ตลาด S&P 500 ยังสามารถเอาตัวรอดไปได้ด้วยตัวเลขปิดบวก 0.77% ทั้งสองตลาดได้รับอานิสงส์จากบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดอย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) และแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) ที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการไปได้

 

อีกหนึ่งข่าวซึ่งเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในช่วงก่อนปิดตลาดและมีส่วนในการดันตลาดหุ้นให้ขึ้นไปด้วยก็คือการจะเข้าซื้อแอปพลิเคชัน “ติ๊กตอก (TikTok)” ของบริษัทไมโครซอฟท์ (NASDAQ:MSFT) จากบริษัทแม่ ByteDance แต่ภายในวันถัดมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ออกมาดับฝันของไมโครซอฟท์ด้วยการให้การเจรจาซื้อขายนี้ระงับไปก่อนโดยอ้างเรื่องที่ติ๊กตอกเป็นแอปฯ จากจีนและรัฐบาลสหรัฐฯ มีหน้าที่ต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวของพลเมืองชาวอเมริกัน

 

แม้จะเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไปในสัปดาห์นี้แต่นั่นก็เป็นเรื่องของสัปดาห์ที่แล้ว ความจริงที่รออยู่ในสัปดาห์นี้คือความคืบหน้าของเงินเยียวยาคนว่างงาน $600 ต่อสัปดาห์ที่พึ่งหมดอายุลงเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ตอนนี้ทุกคนต่างจับจ้องว่าท้ายที่สุดแล้วสภาจะอนุมัติให้โครงการนี้ได้ไปต่อหรือไม่เพราะจนถึงตอนนี้ที่เข้าสู่เดือนใหม่แล้วก็ยังไม่มีใครออกมาพูดถึงหรือยืนยันได้ว่าจะมีการเยียวยาคนว่างงานต่อ

 

อีกข่าวหนึ่งที่ดูเหมือนว่าตลาดจะไม่ให้ความสนใจมากนักคือการหดตัวของตัวเลข GDP ที่ทำสถิติมากที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มากถึง -32.9% แม้นักลงทุนบางคนพยายามปลอบใจตัวเองว่า “อย่างน้อยก็ไม่มากเท่าที่ประเมินกันเอาไว้ในตอนแรก” แต่ตัวเลข 32.9% นี้คือ 2 เท่าของการหดตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2008-2009 เลยทีเดียว สาเหตุก็ไม่ใช่เรื่องอะไรแต่เป็นเพราะการปิดล็อกเมืองเพื่อสกัดไวรัสโคโรนาในช่วงเปลี่ยนผ่านไตรมาสที่ 1 สู่ไตรมาสที่ 2 บริษัทตัวแทนจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของอเมริกาถึงกับออกมาเตือนเรื่องความเสี่ยงต่อการเป็นหนี้ของประเทศสหรัฐฯ และได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของความสามารถในการกู้ยืมเงินของประเทศลงมา

 

ในขณะที่ขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับวันยิ่งสวนทางกับความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ คำถามใหญ่ๆ ที่นักวิเคราะห์ตั้งขึ้นมามีหลายคำถามมากอย่างเช่น

“อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปเมื่อการว่างงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่งานใหม่ๆ ก็หาทำได้ยากเหลือเกิน?”
“นักลงทุนจะสามารถทำกำไรจากบริษัทที่ไม่มีพนักงานได้อย่างไร?”
“เฟดจะทำทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามที่ได้พูดไว้ได้จริงๆ หรือ?”
“แล้วถ้าทำอย่างนั้นจะใช้วิธีไหนอีก? เข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นเองเลยหรือไม่?”
“เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงไปต่ำกว่า 0% เลยหรือเปล่า?”

“แล้วถ้าลดแล้วและไม่ได้ผลแบบที่เป็นอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและยุโรป...พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อ?”

“หรือแฟดจะปั้มเงินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนว่ามูลค่าของเงินจะต่ำลงแต่ขอให้ตลาดหุ้นขึ้นตลอดไปก็พอ?”

 

ถึงแม้เราจะเคยเตือนเรื่องขาขึ้นที่ขึ้นมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมและคิดผิดมาแล้วแต่เราก็ยังอยากจะขอเตือนด้วยความปราถนาดีแก่ผู้อ่านของเราอีกครั้งว่าอย่าประมาทกับภาพขาขึ้นที่เห็นอยู่ ณ ตอนนี้เด็ดขาด การเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้และถ้าเกิดขึ้นจริงอาจจะลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมเสียอีก