หุ้นของ 2 ธนาคารที่อาจเติบโตได้อย่างโดดเด่นในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ

 | Aug 31, 2020 08:35

แม้ดัชนี S&P 500 จะสามารถพลิกกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมได้อย่างไม่คาดคิดแต่ขาขึ้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับหุ้นทุกกลุ่มที่สังกัดอยู่ใน S&P 500 โดยเฉพาะหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธนาคาร ปีนี้นักลงทุนเลือกที่จะไม่สนใจหุ้นกลุ่มธนาคารหรือสถาบันทางการเงินเนื่องจากความเป็นกังวลที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเผชิญภาวะถดถอยที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่ว่าผู้กู้อาจจะไม่สามารถจ่ายเงินกู้คืนให้แก่ธนาคารได้ ถึงตอนนี้ภาพรวมแล้วเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดูเหมือนจะฟื้นตัวได้ดีแต่หุ้นของบริษัทในกลุ่มธนาคารกลับไม่เป็นเช่นนั้น

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

โดยปกติแล้วหากต้องการดูว่าสถานการณ์ของหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นอย่างไร นักลงทุนมักจะอ้างอิงข้อมูลจากดัชนีธนาคาร KBW ซึ่งในปีนี้ปรับตัวลดลงมาแล้วมากกว่า 30% นอกจากนี้นักลงทุนยังประเมินหุ้นกลุ่มธนาคารจากนโยบายทางการเงินหรืออัตราดอกเบี้ยที่มาจากธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นหลักซึ่งการแถลงที่แจ็กสัน โฮลเฟดยืนยันแล้วว่าแม้จะมีกลยุทธ์ในการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อใหม่แต่พวกเขาจะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับใกล้กับ 0% ไปอีกนานเท่ากับว่ากว่าหุ้นธนาคารจะกลับมาให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับช่วงก่อนโควิดได้ก็ต้องใช้เวลาอีกนานด้วยเช่นกัน

h2 อัตราดอกเบี้ยที่ให้ผลตอบแทนต่ำ/h2

สภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานจะไม่ส่งผลดีต่อกำไรของธนาคาร ทุกคนทราบดีว่ากำไรของธนาคารมาจากการเก็บส่วนต่างจากกำไรของการกู้ยืมหรือที่เรียกกันว่าดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) เมื่อเศรษฐกิจถูกคุกคาม ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง หากธนาคารไม่มีช่องทางกระจายความเสี่ยงก็จะทำให้ความเสี่ยงนั้นมาตกอยู่กับธนาคารเอง ในรายชื่อของธนาคารชื่อดังสหรัฐฯ เรามีตัวอย่างของกรณีนี้ให้เห็นนั้นก็คือ Wells Fargo (NYSE:WFC) ที่ตอนนี้ถือว่า่ฟื้นตัวจากพิษเศรษฐกิจได้ช้ากว่าธนาคารอื่น

ในรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2020 ของ Wells Fargo พบว่าขาดทุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 และในไตรมาสที่สองตัวเลขดอกเบี้ยรับสุทธิของธนาคารมีตัวเลขอยู่ที่ $9,900 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับ $12,100 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 จากแถลงการณ์ล่าสุดของเฟดยิ่งทำให้ Wells Fargo เหลือความหวังน้อยมากในการจะฟื้นตัวขึ้นมาจากวิกฤตด้วยกำไรที่มาจากการเก็บส่วนต่างเพียงอย่างเดียว

h2 2 หุ้นธนาคารสหรัฐฯ ที่โดดเด่นกว่าใครอื่น/h2

ถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะไม่เป็นใจแต่ก็ยังมีคนที่สามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ไปได้ สำหรับวงการธนาคารแล้วเราไม่เห็นใครโดดเด่นเท่า JPMorgan Chase (NYSE:JPM) และ Bank of America (NYSE:BAC) อีกแล้ว สาเหตุที่เราเชื่ออย่างนั้นเพราะเราตัดสินใจจากตัวเลขบัญชีงบดุลที่แข็งแกร่งและคุณภาพในการดำเนินธุรกรรมของธนาคาร