การประชุมของเฟดเมื่อกลางเดือนส่งแรงหนุนต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

 | Sep 30, 2020 12:01

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: CQC

- ขาลงในดัชนีดอลลาร์สหรัฐไม่ได้ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลงตาม
- ยิ่งกระตุ้นยิ่งเสริมสภาพคล่องให้เศรษฐกิจยิ่งทำให้ราคาแร่โลหะเพิ่มสูงขึ้น
- ช่วงเวลาที่ตลาดไม่กล้าเสี่ยงคือช่วงเวลาที่ดีกับการเลือกสินค้าโภคภัณฑ์เข้ามาอยู่ในพอร์ตลงทุน
- ช่วงปี 2008-2012 อาจเป็นต้นแบบการวิ่งของตลาดในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าต่อจากนี้

เนื่องจากบทความนี้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดอลลาร์สหรัฐและสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งถ้าหากผู้อ่านเป็นผู้ที่ติดตามเว็ปไซต์ investing.com มาตลอดก็จะทราบดีถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับผู้อ่านที่ไม่ได้ตามความเคลื่อนเกี่ยวกับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีหลังเลยเราจะขอสรุปให้อ่านคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ 

ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่หนึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้มีการลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจนเหลือ 0% -0.25% เพื่ออุ้มเศรษฐกิจให้ยังยืนอยู่ได้เมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่มาจากภัยโรคระบาดโควิด-19 และคงตัวเลขนี้เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการพิมพ์เงินเข้ามาในระบบมหาศาล

ต่อมาในเดือนสิงหาคมมีการประชุมที่ชื่อ “แจ็กสัน โฮล (Jackson Hole)” เกิดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน ไวโอมิ่ง ครั้งนั้นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ได้ประกาศว่าจะเปลี่ยนนโยบายอัตราเงินเฟ้อเพื่อเอื้อต่อการเสริมสภาพคล่องและการฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยจะปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อสามารถขึ้นเกิน 2% ได้บ้างเป็นครั้งคราว จนถึงการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ในช่วงกลางเดือนกันยายนที่พึ่งผ่านมา เฟดก็ยังยืนยันที่จะคงดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐปล่อยกู้เงินสำรองให้ซึ่งกันและกันเป็นอัตรา (FFR) เอาไว้ดังเดิม

h2 ขาลงในดัชนีดอลลาร์สหรัฐไม่ได้ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลงตาม/h2
ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

แถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อสภาคอนเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจนสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ 94.682 ได้ในวันศุกร์ที่ 25 กันยายน