ภาพรวมตลาดลงทุน: การเลือกตั้งและโควิดผนึกกำลังสร้างความผันผวนในตลาดหุ้น

 | Nov 02, 2020 09:33

- S&P 500 มีราคาลดต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้าเล็กน้อย
- ดอลลาร์พยายามจะกลับมาแข็งค่าขึ้น
- ราคาน้ำมันยิ่งถูกกดดันหนักจากภาพรวมเศรษฐกิจ
- ขาลงใน S&P 500 เกิดจากความเชื่อว่าไบเดนจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง

และแล้วสัปดาห์ที่สำคัญที่สุดของปี 2020 ก็มาถึงเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้วหรือหากเทียบเป็นเวลาประเทศไทยคือช่วงหัวค่ำของวันที่ 3 พฤศจิกายน นอกจากการเลือกตั้งแล้วสัปดาห์นี้แทบไม่มีเวลาให้นักลงทุนทางเทคนิคได้หายใจเลยเพราะมีข่าวสำคัญเรียงรายรอประกาศอยู่แทบทุกวัน ไหนจะปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ก่อนเข้าหน้าหนาวในสหรัฐอเมริกาและยโรุป ยังมีการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลียให้ติดตามอีก

ก่อนการเลือกตั้งจะมาถึง สัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวลงไปรอก่อนแล้ว ส่วนหนึ่งของขาลงมาจากความผิดหวังที่ได้เห็นตัวเลขผลประกอบไตรมาสที่สามของหลายๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ชะลอตัวลงและความหวังของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองก่อนการเลือกตั้งก็ได้ดับลงโดยสมบูรณ์ ความผิดหวัง ความลังเล และความผันผวนคือธีมหลักที่จะกดดันตลาดลงทุนในสัปดาห์นี้

ขาลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของตลาดหุ้นสหรัฐฯ นอกจากจะเป็นขาลง 15% ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ยังเป็นขาลงที่เกิดขึ้น 4 ใน 5 วัน วันเดียวที่สามารถปิดบวกได้เกิดมาจากการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่สาม และรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ ออกมาดีขึ้น คำถามที่ตลาดอยากทราบจากขาลงครั้งนี้ก็คือว่าตอนนี้สามารถเรียกว่าเป็นจุดต่ำสุดก่อนที่จะดีดตัวขึ้นได้แล้วหรือไม่?

h2 ขาลงก่อนการเลือกตั้งบอกอะไรกับนักลงทุน?/h2
ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

ในตอนแรก นักลงทุนยังมีความเชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะยังพอวิ่งกลับขึ้นมาได้เพราะมีการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังมากมาย แต่หลังจากที่ได้เห็นดัชนี NASDAQ 100 ร่วงลง 2.6% เพราะยอดขายไอโฟนของบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ลดลงและยอดผู้ใช้งานบนทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR)ขึ้นไม่ถึงเป้า ก็ทำให้นักลงทุนเสียความเชื่อมั่นในทันที แม้ว่าบริษัทแม่ของกูเกิลอย่างอัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL) จะรายงานตัวเลขรายได้จากโฆษณาที่ดีขึ้นก็ไม่ช่วยให้นักลงทุนในตลาดเชื่อมั่นขึ้นมาได้

นอกจากนี้ ดัชนีหลักอย่าง S&P 500 ก็ได้ร่วงลง 5.6% สร้างสถิติเป็นขาลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แรงที่สุดทั้งๆ ที่ปกติแล้วตลาดหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นก่อนการเลือกตั้ง แต่ถึงกระนั้น การที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเท่าไหร่เพราะในสภาพความผันผวนที่สูงกว่าปกติเช่นนี้ น้อยคนนักที่จะกล้าถือคำสั่งซื้อขายจนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ไป

มีนักวิเคราะห์บางคนให้คำตอบกับสาเหตุการเทขายครั้งนี้ว่าเป็นเพราะนักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าทรัมป์จะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สองต่อแน่นอนในขณะที่บางส่วนก็เชื่อว่าโดนัลด์ ทรัมป์จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากว่าแพ้ซึ่งนั่นจะยิ่งก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดหลังจากวันที่ 3 พฤศจิกายนไปอีก อ้างอิงจากข้อมูลของผลสำรวจส่วนใหญ่ หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นวันนี้โจ ไบเดนจะเป็นผู้ชนะ ตั้งแต่ปี 1928 เมื่อไหร่ก็ตามที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงสามเดือนก่อนการเลือกตั้ง มีโอกาสสูงถึง 87% ที่ผลการเลือกตั้งจะออกมาตามโพล

อย่างไรก็ตาม ปี 2016 ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถเชื่อผลโพลได้ 100% สถานการณ์ของโจ ไบเดนตอนนี้เหมือนกันกับปีนั้นที่นาง ฮิลลารี่ คลินตัน มีคะแนนนำโดนัลด์ ทรัมป์ที่ใครๆ ต่างก็มองว่าไม่มีทางได้เป็นประธานาธิบดีจากภาพลักษณ์ที่เป็นนักธุรกิจที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ ในครั้งนั้นนักวิเคราะห์ถึงกับมองว่าถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี ตลาดหุ้นจะร่วงแต่เมื่อทรัมป์หักหน้านักวิเคราะห์ ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตลาดหุ้นกลับปรับตัวขึ้นหน้าตาเฉย

เมื่อตอนนี้มีสองคำถามใหญ่ๆ คือ ใครจะเป็นผู้ชนะ? และอะไรจะเกิดขึ้นกับตลาดต่อไป? คงไม่อาจตอบได้จนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจจะพอบอกอะไรกับนักลงทุนก่อนการเลือกตั้งได้บ้าง