ตลาดหุ้นยังหวังกับเงินเยียวยาต่อท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

 | Dec 14, 2020 14:31

- สหรัฐอเมริกาจะเริ่มได้ใช้วัคซีนต้านโควิดจริงภายในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตจากโควิดขึ้นสร้างตัวเลขสูงสุดใหม่เมื่อวันศุกร์
- เหล่าผู้วางนโยบายยังไม่สามารถตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้
- การเคลื่อนย้ายเงินทุนของนักลงทุนยังไม่ชัดเจน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ที่แล้วหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในร่างกฏหมายลดช่องว่างรายจ่ายเพื่อให้รัฐบาลสามารถดำเนินงานร่วมกันต่อไปได้ นอกจากนี้ทรัมป์ยังได้ออกมาประกาศผ่านวิดีโอด้วยว่าวัคซีนจากไฟเซอร์ (NYSE:PFE) ตัวแรกจะได้รับการจัดการตามขั้นตอนก่อนแจกจ่ายอย่างเร็วที่สุดภายในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง ข่าวดีนี้ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นได้ในระดับหนึ่ง 

ที่นักลงทุนยังคงเป็นกังวลอยู่ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญแต่อย่างใด ยิ่งใกล้สิ้นปี 2020 เข้ามามากเท่าไหร่ ความกดดันก็ยิ่งมีสูงขึ้น แม้จะมีการลดจำนวนเงินเยียวยาลงมาจาก $900,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้วก็ตามแต่ประเด็นในตอนนี้ได้ปลี่ยนไปที่เรื่องของการช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในตลาดแรงงานแทน ดังนั้นธีมหลักของการลงทุนในสัปดาห์นี้ก็จะยังอยู่ที่การสลับไปมาระหว่างข่าวความคืบหน้าของการแจกจ่ายวัคซีน และยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวนเตียงคนไข้ที่มีในโรงพยาบาลสหรัฐฯ นับวันยิ่งลดน้อยลง ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดใกล้จะแตะ 300,000 คนแล้วและยอดผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 

ดัชนีหลักสหรัฐฯ ขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ก่อนที่จะย่อตัวลดลงมา

นับเป็นครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์ล่าสุดที่ตลาดหุ้นได้เห็นดัชนีหลักๆ ของประเทศปรับตัวลดลง ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงมากกว่า 1% ในสามชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด คิดเป็นขาลงตลอดทั้งสัปดาห์ 1% นอกจากเอสแอนด์พี 500 แล้วดัชนีหลักอื่นๆ ก็มีพฤติกรรมการวิ่งที่ใกล้เคียงกัน ดาวโจนส์แม้จะมีราคาปิดสูงขึ้นเมื่อวันศุกร์แต่ผลงานตลอดทั้งสัปดาห์กลับปรับตัวลดลง 0.6% แม้แต่แนสแด็กคอมโพสิตที่มักจะทำผลงานได้ดีในยามที่เพื่อนอ่อนแรงก็ยังปรับตัวลดลง 0.25% มากกว่าเอสแอนด์พี และดาวโจนส์อีกด้วยซ้ำ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นคาดว่าจะมาจากการโยกเงินของนักลงทุนไปยังหุ้นวัฐจักรอื่นที่เชื่อว่าจะฟื้นตัวหลังจากได้รับวัคซีนแล้ว

เหตุผลที่เราใช้คำว่า “คาดว่า” เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่านักลงทุนได้ย้ายเงินไปลงทุนในภาคส่วนอื่นหรือไม่เพราะหุ้นในกลุ่มพลังงานและการเงินก็ยังถือว่าทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน บางกลุ่มถึงกลับวิ่งลงเกือบ 1% หุ้นในกลุ่มวัสดุและสินค้าฟุ่มเฟือยก็ถูกกดให้อยู่ในขาลงเช่นเดียวกัน มีเพียงกลุ่มบริการในภาคคมนาคมเท่านั้นที่ปรับตัวขึ้น 0.6%

ตลาดแนสแด็ก 100 ปรับตัวลดลงประมาณ 1.2% ในสัปดาห์ที่แล้วโดยมีสาเหตุใหญ่ๆ มาจากขาลงของหุ้นเฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) และเทสลา(NASDAQ:TSLA) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้แจ้งกับพนักงานในวันศุกร์ว่าอาจจะต้องปิดโรงงานที่ผลิตรถยนต์รุ่น S และ X ชั่วคราวประมาณ 18 วันโดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคมเป็นต้นไป ส่วนเฟซบุ๊กกำลังเจอข่าวหนักเมื่อมีเหตุทำให้เชื่อได้ว่าหน่วยงานของรัฐอาจจะสามารถแยกอินสตาแกรม (Instagram) และวอทส์แอป (Whatsapp) ออกจากเฟซบุ๊กโดยอ้างเรื่องกฎหมายกีดกันทางการค้าได้

ที่น่าประหลาดใจก็คือนักลงทุนก็ยังคงกล้าที่จะถือหุ้นเฟซบุ๊กเอาไว้อยู่แม้ว่าจะมีข่าวร้ายนี้ปรากฏออกมาก็ตาม

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้