2 กองทุน ETF แนะนำสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ
Investing.com | Aug 25, 2021 10:50
สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอุตสาหกรรมโดยทั่วไปจะหมายถึงแร่ธาตุหรือวัสดุที่นำมาใช้เพื่อการก่อสร้าง ยกตัวอย่างเช่นทองแดง แร่เหล็ก โคบอลต์ น้ำมันดิบ ไม้แปรรูป ฯลฯ ในช่วงครึ่งปีแรกราคาแร่เหล็กและทองแดงปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากความต้องการมหาศาลขานรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญการเล็งเห็นความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐอเมริกาของประธานาธิบดีโจ ไบเดนทำให้เกิดความต้องการทองแดงและแร่เหล็กในปริมาณที่สูงมาก
นอกจากสหรัฐอเมริกา ประเทศจีนก็เป็นอีกหนึ่งประเทศทางเศรษฐกิจสำคัญ พวกเขาเองก็เล็งเห็นว่าต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยเช่นกัน แต่ด้วยราคาทองแดงในเดือนพฤษภาคมที่มีราคาสูงมากๆ จึงทำให้ประเทศจีนระงับการนำเข้าทองแดง และใช้ทองแดงที่อยู่ในคลังสำรองของประเทศแทน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ราคาทองแดงร่วงลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ถึงกับพูดว่าเศรษฐกิจของโลกหลังจากนี้จะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างในปี 2019 ได้อีกแล้ว บริษัทผู้ให้บริการบริหารความั่งคั่ง “RBC Wealth Management” กล่าวถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานว่า
“กระแสการเปลี่ยนแปลงโลกเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด จำเป็นต้องใช้แร่ธาตุอย่างทองแดง เหล็ก นิกเกิล ลิเธียม และโคบอลต์ เป็นจำนวนมาก การผลิตและการจัดเก็บพลังงานหมุนเวียนโดยใช้ไฟฟ้าเพื่อแยกคาร์บอนออกจากตัวปล่อยมลพิษ เช่น การผลิตเหล็กและการกลั่นน้ำมัน ตลอดจนการขนส่งและการขนส่งทางรถไฟหรือรถยนต์ไฟฟ้า แทนที่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และการนำเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ มาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ล้วนแล้วแต่ต้องใช้โลหะนำเข้าหมดทั้งสิ้น”
ดังนั้นในอนาคตระยะยาว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศยังจำเป็น และต้องดำเนินต่อไป บทความนี้จึงเขียนขึ้นมาสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนกับบริษัทโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก
h2 1. Invesco DB Base Metals Fund/h2- ระดับราคาปัจจุบัน: $20.46
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $14.61 - $21.45
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.35%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.84% ต่อปี
ดาวน์โหลดแอป
กองทุน Invesco DB Base Metals Fund (NYSE:DBB) เป็นกองทุนสำหรับลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า ที่ DBB นักลงทุนสามารถลงทุนในอลูมิเนียม สังกะสีและทองแดง ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนของกองทุนอยู่ที่ 40.2% 20.95% และ 40.80% ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการแบ่งไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย
DBB เป็นกองทุนที่อ้างอิงราคาตามดัชนี DBIQ Optimum Yield Industrial Metals Index Excess Return index มีการปรับสมดุลพอร์ตเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤศจิกายน กองทุนนี้เริ่มต้นให้เทรดในเดือนมกราคมปี 2007 มีสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $408 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ระดับราคาหุ้นของกองทุนนั้นปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 32.7% ทำกำไรคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นไปแล้ว 165% สร้างจุดสูงสุดในรอบหลายปีไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม หลังจากนั้น DBB ก็ได้ปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุดดังกล่าว 6.5% นักลงทุนสายวิเคราะห์ทางเทคนิคกำลังให้ความสนใจว่าแนวรับ $19.50 - $20.00 จะสามารถรับแรงเทขายครั้งนี้ไหวหรือไม่
นักลงทุนที่เชื่อว่าตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถอาศัยจังหวะนี้ในการหาจุดเข้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ภาวะเงินเงินเฟ้อกำลังเติบโต เพราะสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทแร่โลหะสามารถใช้เป็นตัวคานเงินเฟ้อได้ สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมคือกำไรที่จะได้รับนั้นจะได้เป็นการปันผล ไม่ใช่ตามระดับราคา ณ เวลาที่เจาจง ดังนั้นนักลงทุนจึงควรทำความคุ้นชินกับคำศัพท์ประเภท Backwardation & Contango ก่อนที่จะลงทุนในกองทุนตัวนี้
h2 2. SPDR S&P Metals & Mining ETF/h2- ระดับราคาปัจจุบัน: $44.02
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $22.36 - $47.85
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.74%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.35% ต่อปี
สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส แต่ชอบกองทุนที่ถือหุ้นบริษัทโดยตรงมากกว่า เราขอแนะนำกองทุนนี้ SPDR® S&P Metals and Mining ETF (NYSE:XME) นี่คือกองทุนที่ลงทุนในแร่โลหะ การขุดเหมือง และธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับแร่อย่างเช่นอลูมิเนียม ทองแดง แร่เหล็ก โลหะมีค่า ถ่านหิน และพลังงานเชื้อเพลิง เป็นต้น
XME เป็นกองทุนที่อ้างอิงราคาตามดัชนี S&P Metals & Mining Select Industry Index. กองทุนนี้เริ่มต้นให้เทรดในเดือนมิถุนายนปี 2006 แบ่งออกเป็นการลงทุนในเหล็ก 45.50% อลูมิเนียม 15.84% ทองคำ 12.46% หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็นสัดส่วนน้ำหนัก 50% ของกองทุนทั้งหมดที่มีสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $1,840 ล้านเหรียญสหรัฐ
29 หุ้นของบริษัทชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Nucor (NYSE:NUE), Steel Dynamics (NASDAQ:STLD) MP Materials (NYSE:MP) Alcoa (NYSE:AA) และ Commercial Metals (NYSE:CMC)
ในปี 2020 กองทุนนี้มอบผลตอบแทนคืนแก่ผู้ถือครอง 78.5% ในขณะที่ปี 2021 ได้มอบผลตอบแทนไปแล้ว 29% XME สร้างจุดสูงสุดในรอบหลายปีไปในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดนั้นประมาณ 10% นักลงทุนที่สนใจซื้อกองทุนนี้ควรรอให้ราคาปรับตัวลงมาที่ $42.50 หรือต่ำกว่านั้น
การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา