3 หุ้นค้าปลีกน่าจับตาก่อนรายงานผลประกอบการของหุ้นกลุ่มสุดท้ายจะเริ่ม
Investing.com | Nov 11, 2021 07:03
กลุ่มสุดท้ายที่ได้รับสิทธิ์ให้รายงานผลประกอบการก่อนปิดไตรมาสที่ 3 ปี 2021 คือบริษัทในกลุ่มค้าปลีก เป็นที่ทราบกันดีว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่พึ่งพาการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้น หากจะให้กล่าวง่ายๆ คือ ยิ่งการจับจ่ายใช้สอยของชาวอเมริกันกับสินค้าภายในประเทศมีมากเท่าไหร่ เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาก็ยิ่งเติบโตขึ้นมากเท่านั้น
จึงสามารถสรุปได้อีกอย่างหนึ่งว่าหากรายงานผลประกอบการของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับค้าปลีกออกมาดี ย่อมหมายความว่าเกิดการบริโภค จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ผู้คนมีความเชื่อมั่นกับระบบการเงินภายในประเทศ กองทุนตัวหนึ่งที่นักวิเคราะห์นิยมใช้เพื่อดูความสามารถของกำลังการจับจ่ายใช้สอยคือ PDR® S&P Retail ETF (NYSE:XRT) ซึ่งในปี 2021 XRT เติบโตขึ้นไปแล้วเกือบ 60% สูงยิ่งกว่าการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500
ดาวน์โหลดแอป
ในบทความนี้ เราจะพาไปดูบริษัทค้าปลีกที่เชื่อว่ามีโอกาสรายงานผลประกอบการเป็นบวก พร้อมทั้งมีโอกาสที่จะมียอดขายที่เติบโตเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคจากปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนอยู่ก็ตาม
h2 1. Target/h2- วันรายงานผลประกอบการ: วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน ก่อนตลาดเปิด
- คาดการณ์การเติบโตของ EPS: +0.4% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของรายได้: +8.1 YoY
- ผลงานการวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +44.5%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $124,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
รายงานผลประกอบการของบริษัททาร์เก็ต (NYSE:TGT) สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์วอลล์ สตรีทได้หกไตรมาสติดต่อกัน ด้วยผลงานที่โดดเด่นเช่นนี้ นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ในไตรมาสที่ 3 ปี 2021 จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อยจาก $2.79 ขึ้นมาเป็น $2.80 ในขณะที่ตัวเลขรายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเป็น $24,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์ประเมินว่าสาเหตุที่ทำให้ยอดขายของทาร์เก็ตเติบโตเป็นเพราะช่องทางการจับจ่ายใช้สอยออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงของการระบาด รวมไปถึงการเลือกสินค้าที่เป็นแบรนด์ที่มีความพิเศษเท่านั้น แต่สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับรายงานผลประกอบการรอบนี้คือ การเปรียบเทียบความสามารถในการเติบโตของการขายออนไลน์และออฟไลน์ ในไตรมาสที่สอง มาตรวัดในส่วนนี้เคยเพิ่มขึ้น 8.9% โดยยอดขายจากหน้าร้านเพิ่มขึ้น 8.7% ในขณะที่ออนไลน์เพิ่มขึ้น 10%
นอกจากนี้ตลาดจะให้ความสำคัญกับคำพูดของเหล่าผู้บริการหลังการรายงานผลประกอบการว่าพวกเขามีความเห็นอย่างไรกับสภาพเศรษฐกิจในตอนนี้ ทั้งในแง่ของปัญหาเงินเฟ้อ ซัพพลายเชนและแรงงายขาดแคลน ที่สำคัญ ทาร์เก็ตจะมีแผนเพิ่มยอดขายอย่างไรในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปีที่กำลังจะมาถึง
หุ้น TGT มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $255.16 เคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $267.06 ในวันที่ 11 สิงหาคม ในปี 2021 ร้านค้าปลีกของทาร์เก็ตถือว่าเติบโตได้อย่างโดดเด่น จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นหุ้นของทาร์เก็ตตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา อันเป็นอานิสงส์มาจากการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติของผู้คน และยอดขายสินค้าผ่านทางออนไลน์
h2 2. Kohl’s/h2- วันรายงานผลประกอบการ: วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน ก่อนตลาดเปิด
- คาดการณ์การเติบโตของ EPS: + 6,300% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของรายได้: +12.1 YoY
- ผลงานการวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +46.4%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้นของ Kohl’s (NYSE:KSS) หนึ่งในบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ในแง่ของรายได้และตัวเลขอัตราผลตอบแทนกำไรต่อหุ้นมาได้อย่างง่ายดายในไตรมาสที่แล้ว นักวิเคราะห์จึงประเมินว่าในรายงานผลประกอบการครั้งนี้ Kohl’s จะมีตัวเลข EPS เพิ่มขึ้น 6,300% คิดเป็น $0.64 ต่อหุ้น เมื่อเทียบจากตัวเลขครั้งก่อนที่ $0.01
ส่วนตัวเลขรายได้นั้น นักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 12% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมีตัวเลขรายได้อยู่ที่ $4,240 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุที่นักวิเคราะห์ประเมินเช่นนั้นเพราะสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายลงแล้ว ในขณะที่เทคโนโลยีค้าขายผ่านโลกออนไลน์ยิ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น นักลงทุนจึงหันมาให้ความสำคัญกับตัวเลขยอดขายออนไลน์อีกครั้ง โดยครั้งนี้พวกเขาจะเริ่มเปรียบเทียบจริงๆ ว่าฝั่งไหนทำได้ดีกว่ากันระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ ในไตรมาสที่แล้ว ตัวเลขยอดขายจากออฟไลน์เพิ่มขึ้น 25% ในขณะที่ออนไลน์เพิ่มขึ้น 35% สาเหตุที่ยอดขายออนไลน์ทำได้ดีกว่าเป็นเพราะในช่วงเวลานั้นบริษัทพึ่งจะปรับปรุงรูปแบบการซื้อของออนไลน์เสร็จ
สิ่งที่นักลงทุนต้องการได้ยินจาก Kohl’s นอกเหนือจากตัวเลขรายได้ในปัจจุบันคือแนวทางการทำธุรกิจของบริษัทในช่วงสิ้นปี 2021 และในช่วงต้นปี 2022 ว่าพวกเขาจะมีวิธีดึงลูกค้ามาจากบริษัทค้าปลีกคู่แข่งรายอื่นๆ ได้อย่างไร
หุ้น KSS มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $59.56 เคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $60.51 ในวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา อันที่จริงหุ้น KSS พึ่งจะฟื้นตัวกลับมาจากวิกฤตโควิด และการกลับตัวขึ้นมาครั้งนี้ก็ถือว่าทำได้อย่างสวยงาม ตลอดทั้งปี 2021 หุ้น KSS สามารถวิ่งขึ้นมาแล้วประมาณ 46% เพราะผู้คนเริ่มกลับมาเดินห้างสรรพสินค้า จับจ่ายใช้สอยกันตามปกติ
h2 3. Academy Sports + Outdoors/h2- วันรายงานผลประกอบการ: วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม ก่อนตลาดเปิด
- คาดการณ์การเติบโตของ EPS: + 15.4% YoY
- คาดการณ์การเติบโตของรายได้: +9.6% YoY
- ผลงานการวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +128.5%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทค้าปลีกผู้ขายสินค้าที่เน้นกีฬาเป็นหลัก “ASO” (NASDAQ:ASO) สามารถรายงานผลประกอบการได้เท่ากับหรือมากกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์วอลล์ สตรีทคาดการณ์มาตั้งแต่ทำ IPO ในเดือนตุลาคมปี 2020 ดังนั้นในไตรมาสที่ 3 นักวิเคราะห์จึงประเมินว่า ASO จะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วที่ $0.91 ขึ้นมาเป็น $1.05 ต่อหุ้น
ในส่วนของตัวเลขรายได้นั้น นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 10% แบบปีต่อปี คิดเป็นตัวเลข $1,480 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึงแม้ว่า ASO พึ่งจะมีร้านค้าปลีกอยู่ทั่วทั้งสหรัฐฯ เพียง 259 สาขาใน 16 มลรัฐ แต่ยอดขายอุปกรณ์กีฬา และกิจกรรมเอาท์ดอร์อย่างเช่น ตกปลา ล่าสัตว์ ภายเรือ กำลังกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนกล้ากลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น
นอกจากตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นและรายได้ นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับตัวเลขเปรียบเทียบยอดขายของแต่ละสาขา ซึ่งในไตรมาสที่ 2 นั้นเติบโตเพิ่มขึ้น 11.4% ทำสถิติตัวเลขเปรียบเทียบยอดขายของแต่ละสาขาที่สามารถเติบโตได้แปดไตรมาสติดต่อกัน นอกจากนี้นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับตัวเลขยอดขายผ่าน E-commerce ที่ไตรมาสที่แล้วหดตัวลงไป 0.9% ด้วย
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนต้องการจะฟังแนวทางการดำเนินงานในช่วงสิ้นปี 2021 และการวางแผนในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2022 เพราะเป็นที่ทราบกันว่าในช่วงฤดูหนาวนี้ ชาวอเมริกันจะไม่นิยมออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งนอกบ้านเหมือนอย่างช่วงก่อน แล้ว ASO จะมีแนวทางรักษาหรือเพิ่มยอดขายในช่วงเวลานี้อย่างไร
หุ้น ASO มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $47.37 เคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $48.17 ในวันที่ 4 พฤศจิกายน การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้คนหันมาสนใจดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น ยิ่งปีนี้ที่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว ยิ่งทำให้ความต้องการเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์เกี่ยวกับกีฬามีมากขึ้น ตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้น ASO สามารถปรับตัวขึ้นมาได้แล้ว 128.5% เรียกได้ว่าเป็นม้ามืดแห่งวงการค้าปลีกสหรัฐฯ ในปีนี้เลยก็ว่าได้
หุ้นค้าปลีกตัวอื่นๆ ที่น่าสนใจ: Walmart (NYSE:WMT), Dick’s Sporting Goods (NYSE:DKS) และ Macy’s (NYSE:M)
การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา