ตลาดอาจจัดเต็มลงทุนก็อกสุดท้ายก่อนหยุดยาวคริสต์มาส

 | Dec 20, 2021 04:18

เมื่อสัปดาห์ที่สำคัญที่สุดอย่างการประชุมของธนาคารกลางทั้งสี่ได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้นักลงทุนพอจะมองออกแล้วว่าพวกเขาจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนก้าวเข้าสู่ปี 2022 ดังนั้นการลงทุนในสัปดาห์นี้อาจจะเป็นไปได้อยู่ทั้งหมดสามประการ หนึ่งคือผันผวนจากนักลงทุนที่ต้องการรีบเคลียร์คำสั่งซื้อขายก่อนคริสต์มาส สองคือวิ่งอยู่ในกรอบแคบๆ อย่างเงียบๆ เพราะออกจากตลาดกันไปหมดแล้ว และทางที่สามคือปรับตัวลดลงเพราะแรงกดดันจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดโอมิครอน 

ถึงแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะขานรับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มวงเงินการลด QE ขึ้นเป็น $30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปีหน้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่วันเดียว ตลาดลงทุนก็เปลี่ยนจากขาขึ้นกลายเป็นขาลง ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่านี่คือผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ที่ยังคงทำให้ตลาดลงทุนไม่สามารถคลายความกังวลลงได้

หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลดลงได้แก่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 0.34% กลุ่มผู้ให้บริการด้านการสื่อสารปรับตัวลดลง 0.4% กลุ่มเทคโนโลยี -0.67% กลุ่มพลังงาน - 2% และกลุ่มการเงิน - 2.2% นอกจากผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าเป็นการเทขายก่อนวันหมดอายุของสัญญาซื้อขายออปชั่นและฟิวเจอร์ส ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ที่ในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดลงทุนยังมีโอกาสจะปรับตัวขึ้น ถ้าโชคดีก็อาจจะลากยาวไปจนถึงวันก่อนคริสต์มาส

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ที่ทำให้ตลาดลงทุนรู้สึกเป็นกังวลไม่มาก แต่ก็ไม่อาจทิ้งความเป็นไปได้ นักวิเคราะห์มองว่าหากไม่ใช่เพราะปัจจัยทั้งสองที่กล่าวไป การเทขายในวันศุกร์อาจเกิดจากความกังวลที่นักลงทุนมีต่อถ้อยคำของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กล่าวว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจมีขึ้นครั้งแรกในเดือนมีนาคมปี 2022 เขาให้เหตุผลว่าตอนนี้สหรัฐฯ มีการจ้างงานที่ใกล้จะถึงเป้าของทางธนาคารกลางแล้ว 

ประการที่สองคือขาขึ้นในดัชนีหลักๆ ที่เริ่มชะลอตัวลดลง แม้ว่าปีนี้ดัชนีหลักของสหรัฐฯ จะสามารถสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ แต่เมื่อมองลงไปในรายละเอียด จะเห็นว่ามีหุ้นเพียง 31% บนดัชนีแนสแด็กที่สามารถขึ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ในขณะที่หุ้นบนดัชนีรัสเซล 2000 ที่สามารถยืนเหนือเส้น 200 วันได้มีเพียง 36% เท่านั้น

ถึงกระนั้น ก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้างเมื่อมองไปที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพราะ 68% ของหุ้นบนดัชนีสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้ แต่หุ้นชื่อดังอย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) เอ็นวีเดีย (NASDAQ:NVDA) เทสลา (NASDAQ:TSLA) และอัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL) กลับปรับตัวขึ้นได้เพียง 50% เท่านั้น เท่ากับว่าปีนี้ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นมาทั้งหมด 24% และแนสแด็กทำขาขึ้นได้เพียง 18% เท่านั้น ถึงเอสแอนด์พี 500 จะยังคงวิ่งอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดตลอดกาล แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงได้เพราะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี