2 ETF ของบริษัทขนาดเล็กที่จะทำกำไรให้พอร์ตลงทุนท่ามกลางช่วงเวลาที่ผันผวน

 | Dec 24, 2021 06:53

ผลการศึกษาจากงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าในระยะยาว การลงทุนกับบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้ดีกว่าบริษัทขนาดใหญ่ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะบริษัทขนาดเล็กมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นไปเป็นบริษัทขนาดใหญ่ได้ในอนาคต ในวงการลงทุน เรามีคำที่เรียกสิ่งนี้ว่า “ส่วนต่างทางกำไรจากบริษัทขนาดเล็ก” แต่ความเป็นจริงก็คือไม่ใช่ทุกปีที่บริษัทขนาดเล็กจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ได้

บริษัทขนาดเล็กยังมีข้อจำกัดหลายประการเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น บริษัทขนาดเล็กมีทรัพยากรน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทที่ใหญ่ และมั่นคงกว่า เป็นผลให้การลงทุนในบริษัทขนาดเล็กมีความเสี่ยง และราคาหุ้นของพวกเขามักจะมีความผันผวนมากกว่า นอกจากนี้ ตัวบริษัทขนาดเล็กส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายเงินปันผล จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกใจสำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้แบบ passive-income

ในสหรัฐอเมริกา นิยามของบริษัทขนาดเล็กคือมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap) อยู่ในช่วงระหว่าง $150 ล้านเหรียญสหรัฐไปจนถึง $2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดัชนีที่ใช้วัดภาพรวมของบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กคือรัสเซล 2000 ตลอดทั้งปี 2021 ดัชนีดังกล่าวปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 11.5% 

กองทุน ETF ที่ใช้อ้างอิงกำไรที่ได้จากการลงทุนในดัชนีรัสเซล 2000 โดยเฉพาะอย่าง iShares Russell 2000 ETF (NYSE:IWM) สามารถสร้างผลตอบแทนกลับคืนมา 11.3% ในขณะเดียวกัน กองทุน Vanguard Small-Cap Growth Index Fund ETF Shares (NYSE:VBK) ที่อ้างอิงราคาจากดัชนี CRSP US Small Cap Growth ก็ได้ปรับตัวขึ้นมา 3.5% ทั้งหมดนี้ เมื่อเทียบกับดัชนีชื่อดังอย่างเอสแอนด์พี 500 ที่ให้ผลตอบแทนกลับมา 23.8% ยังไม่สามารถสู้ได้เลย

สิ่งที่นักลงทุนควรทราบเอาไว้คือหลายกองทุน ETF ที่มักจะใช้คำว่า “ลงทุนในบริษัทขนาดเล็ก” ในบางครั้งพวกเขาก็เหมารวมบริษัทขนาดกลางเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นบริษัทขนาดเล็ก ธุรกิจส่วนใหญ่จะยังคงเป็นการเน้นไปที่การหารายได้จากภายในประเทศ ด้วยข้อจำกัดทางด้านเงินทุน ดังนั้นดัชนีรัสเซล 2000 จึงสามารถเป็นตัวบ่งชี้การเติบโตของเศรษฐกิจภายในสหรัฐอเมริกาได้แม่นยำกว่าดัชนีอื่น

มอร์แกน สแตนลีย์ ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังกล่าวภาพรวมการลงทุนในปี 2022 เอาไว้ว่า

“วัฏจักรการลงทุนที่แข็งแกร่ง การมีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น และความต้องการที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จะช่วยผลักดันการเติบโตของ GDPสหรัฐฯ ในปี 2022 ให้มาอยู่ที่ 4.6% … ในปีหน้าธนาคารกลางในตลาดที่พัฒนาแล้วมีแนวโน้มว่าจะไม่ดำเนินมาตรการรุนแรงที่เสี่ยงต่อการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ”

ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับสองกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนกับหุ้นบริษัทขนาดเล็ก ให้นักลงทุนระยะยาวได้พิจารณาเป็นตัวเลือกสำหรับการลงทุนในปีหน้า

h2 1. Invesco S&P SmallCap Value with Momentum ETF/h2

- ระดับราคาปัจจุบัน: $52.44
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $33.79 - $57.17
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.98%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.39% ต่อปี

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

กองทุนแรกที่เราอยากจะแนะนำมีชื่อว่า Invesco S&P SmallCap Value with Momentum (NYSE:XSVM) เป็นกองทุนที่ลงทุนใน 120 บริษัทจากดัชนี S&P SmallCap 600® Index กองทุนนี้ได้รับคะแนนมากที่สุด เกณฑ์การให้คะแนนมาจากกำไรที่สามารถทำได้จากอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) อัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อัตราส่วนราคาต่อการขาย (P/S) และระบบที่ให้คะแนนบริษัทโดยอ้างอิงจากความสามารถในการให้ผลตอบแทนตลอดระยะเวลาหนึ่งปี (Momentum Scores) XSVM เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2005