บิทคอยน์ VS ทองคำ? ใครจะเป็นสินทรัพย์คานความเสี่ยงที่ดีที่สุดยังคงเป็นคำถาม?

 | Feb 01, 2022 03:32

หากยังจำกันได้ ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ถือเป็นช่วงเวลาที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลคึกคักที่สุดในรอบปี เมื่อเหล่าสาวกของสกุลเงินดิจิทิลบิทคอยน์หรืออีเธอเรียมต่างก็ส่งเสียงเชียร์ ตะโกนดังๆ ออกมาอย่างไม่กลัวหน้าแตกว่า “มาแน่ๆ บิทคอยน์ $100,000 ก่อนปี 2022” หากเป็นเช่นนั้นจริง ตอนนี้เราจะได้เห็นบิทคอยน์มีมูลค่าตามตลาดอยู่ที่ $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐไปแล้ว

แน่นอนว่าสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ขาลงอย่างกะทันหันปรากฎในวันที่ 10 พ.ย. เมื่อบิทคอยน์และอีเธอเรียมทำจุดสูงสุด แล้วพลิกกลับมาปิดในราคาที่ต่ำกว่าวันก่อนหน้า ในตอนแรก ผู้คนยังเชื่อว่านั่นเป็นเพียงการย่อตัวธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของขาลง ที่กินระยะเวลามาแล้วทั้งสิ้นสองเดือนกับอีกยี่สิบวัน จากวันนั้นจนถึงวันนี้ทั้งสองสกุลเงินดิจิทัลไม่เคยกลับไปทดสอบจุดสูงสุดล่าสุดที่ทำให้ระหว่างทางขาลงได้อีกเลย

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ระบบเศรษฐกิจของมนุษยชาติถดถอย เมื่อนักลงทุนมองเห็นความเสี่ยง พวกเขาจึงมักจะพยายามมองหาสินทรัพย์ทรงเลือกอื่นๆ เพื่อหวังเพียงว่าจะรักษามูลค่าของสินทรัพย์ในยามวิกฤตเอาไว้ได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรามีทองคำเป็นสินทรัพย์สำรองมาโดยตลอด แต่เมื่อสกุลเงินดิจิทัลถือกำเนิดขึ้น บางคนจึงมองว่ามันเป็นสินทรัพย์สำรองด้วย ถึงจะไม่ปลอดภัย แต่ก็มีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าการปล่อยเงินให้วางอยู่เฉยๆ ในบัญชีธนาคาร 

เมื่อเห็นเหตุผลเช่นนั้น ตลอดสองปีกับอีกหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนยังคงนำเงินไปลงทุนกับสินทรัพย์สำรอง ถึงแม้ว่าปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีแผนขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น นักลงทุนก็ยังคงลงทุนในสินทรัพย์สำรองเพื่อคานความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คำถามก็คือระหว่างทองคำกับสกุลเงินดิจิทัล ใครจะเป็นสินทรัพย์คานความเสี่ยงได้ดีที่สุด? เรื่องนี้แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ระดับหัวกะทิก็ยังเถียงกันไม่จบไม่สิ้น

h2 ในวันที่มูลค่าคริปโตฯ ละลายเร็วกว่าไอศกรีม/h2
ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

ตั้งแต่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 10 พฤศจิกายน จากนั้นเราก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากว่าจาก $67000 ลงมาเหลือ $37,000 นักลงทุนขาขึ้นในตอนนี้จะมีสภาพเป็นเช่นไร ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ทั้งกราฟบิทคอยน์และอีเธอเรียมก็ได้สร้างสัญลักษณ์ที่เป็นตัวบ่งบอกถึงการกลับตัวเอาไว้แล้ว