2 ETF หุ้นเติบโตที่ควรซื้อในวันที่ตลาดปรับฐาน

 | Mar 18, 2022 09:47

ในช่วงที่มีโรคระบาดไวรัสโควิด-19 หุ้นเติบโตเป็นกลุ่มหุ้นยอดนิยม นักลงทุนต่างมองหาสิ่งที่จะเป็นนวัตกรรมและเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก ผลักดันให้หุ้นกลุ่มดิจิทัลและพลังงานทางเลือกจำนวนมากทะยานขึ้นสูงที่สุดเป็นประวัติกาล

แต่ความเชื่อนี้กลับเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปในปี 2022 อดีตหุ้นสุดที่รักของนักลงทุนวอลล์ สตรีทหลายๆ คนต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการเทขายอย่างมาก นอกจากเหตุผลของการขายทำกำไรแล้ว หุ้นกลุ่มเติบโตยังถูกมองข้าม ในวันที่ระดับเงินเฟ้อร้อนแรงและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่สนับสนุนหุ้นกลุ่มอื่นมากกว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ และสงครามรัสเซียยูเครนในปัจจุบัน ยิ่งตอกย้ำขาลงของหุ้นกลุ่มเติบโต จนทำให้ราคาร่วงสู่จุดต่ำสุดในรอบหลายเดือน

ดัชนีชื่อดังไม่ว่าจะเป็นดาวโจนส์ และแนสแด็ก 100 ที่เคยเติบโตอย่างมากในสองปีก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน (YTD) ต่างปรับตัวลดลง 15.3% และ 14.8% ตามลำดับ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน 8.5% 

ถึงกระนั้น ประวัติศาสตร์การลงทุนที่ผ่านมาสามารถบอกสัจธรรมเราได้อย่างหนึ่งว่ามีขึ้นก็ต้องมีลง แม้ว่าทุกวันนี้ขาลงจะเกาะอยู่กับหุ้นกลุ่มเติบโตมากเพียงใด แต่ก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่หุ้นกลุ่มนี้จะสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้ ดังนั้นนักลงทุนมืออาชีพจึงมักชอบซื้อในช่วงดังกล่าวเพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนสูงจากการลงทุนระยะยาว ในบทวามนี้ เราจึงมาแนะนำสองกองทุน ETF ของหุ้นกลุ่มเติบโตที่มีแนวโน้มว่าจะดึงดูดนักลงทุนสายซื้อและถือในระยะยาว

h2 1. Invesco S&P 500 Pure Growth ETF /h2

- ระดับราคาปัจจุบัน: $177.04
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $154.95 - $223.10
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.35% ต่อปี

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

กองทุนตัวแรกที่เราจะแนะนำมีชื่อว่า Invesco S&P 500® Pure Growth ETF (NYSE:RPG) เป็นกองทุนที่ลงทุนกับหุ้นตัวเล็กบนดัชนีเอสแอนด์พี 500 แต่ประเมินแล้วว่ามีอัตราการเติบโตสูง กองทุนนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2006 โดยมีเงื่อนไขพิจารณาสำคัญในการเลือกหุ้นของ RPG คือต้องมีอัตราการเติบโตของกำไร และการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS)