2 ETF ความผันผวนต่ำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตป้องกันความเสี่ยง

 | Mar 28, 2022 10:31

เป็นที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าต่อจากนี้ไปนักลงทุนและตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับแรงต้านมากขึ้น ประเด็นแรกที่มีความชัดเจนคือถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะไม่ลังเลที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เลยหากจำเป็นต้องสกัดการเติบโตของเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ต่างก็ยังคงวิ่งอยู่เหนือ $100 ต่อบาร์เรล พร้อมจะขึ้นต่อได้ทุกเมื่อหากสถานการณ์สงครามรัสเซียยูเครนกลับมารุนแรง

สถานการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับ “ดัชนีวัดความกลัว” หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ที่วิ่งอยู่ที่ตัวเลขประมาณ 20.80 สูงกว่าระดับในเดือนมกราคมมากกว่า 20% เพราะทุกวันนี้เราอยู่ในโลกของ VUGA ไม่มีสิ่งใดที่มั่นคงถาวรไปเหมือนกับก่อนวิกฤตโควิดแล้ว ไม่ว่าหันไปทางไหนก็มีแต่ความผันผวน ที่ต้องเตรียมตัวรับมืออยู่ตลอดเวลา นักลงทุนบางกลุ่มจึงพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ด้วยการหันหน้าเข้าลงทุนกับกองทุน ETF งานวิจัยล่าสุดจาก SPGI ระบุว่า

“นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 ความผันผวนต่ำได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในช่วง 10 ปีล่าสุด... หุ้นที่มีความผันผวนต่ำ หรือที่เรียกว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าปกติ จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ”

ดังนั้นบทความนี้จึงถูกเขียนขึ้นมา เพื่อแนะนำนักลงทุนที่กำลังสนใจการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

h2 1. Invesco S&P 500 High Dividend Low Volatility ETF/h2

- ระดับราคาปัจจุบัน: $47.15
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $41.50 - $47.17
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 3.30%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.30% ต่อปี

ดาวน์โหลดแอป
เข้าร่วมกับคนนับล้านที่ใช้ Investing.com เพื่อติดตามข่าวสารตลาดการเงินทั่วโลก
ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

กองทุนตัวแรกที่เราอยากจะแนะนำมีชื่อว่า Invesco S&P 500® High Dividend Low Volatility ETF (NYSE:SPHD) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนกับหุ้นบนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่มีความผันผวนน้อยกว่าปกติ และยังเน้นลงทุนกับหุ้นบริษัทที่มีความสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงอีกด้วย กองทุน SPHD เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2012 ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 52 บริษัท อ้างอิงราคาตามดัชนี S&P 500 Low Volatility High Dividend Index มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมด $3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ