นักลงทุนตลาดกระทิง-หมียังคงสู้กันอย่างดุเดือด คาด CPI ทำการลงทุนสัปดาห์นี้ผันผวนต่อ

 | May 09, 2022 07:03

ความผันผวนคงจะไม่จากตลาดลงทุนไปไหนโดยง่ายแน่นอน โดยเฉพาะในวันนี้ตลาดยังคงให้ความสนใจสถานการณ์เงินเฟ้อ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง นี่ยังไม่นับไฟสงครามในยุโรปตะวันออกที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด ปัจจัยกดดันทั้งหลายเหล่านี้คือสาเหตุว่าทำไมดัชนีหลักทั้งสี่ของสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะเป็นเอสแอนด์พี 500 ดาวโจนส์ แนสแด็กและรัสเซล 2000 ถึงพากันปิดตลาดในสัปดาห์ที่แล้วติดลบ

แม้จะมึนักลงทุนบางกลุ่มพิจารณาว่านี่คือโอกาสช้อนซื้อ แต่ต้องไม่ลืมว่าการจะช้อนซื้อหุ้นในตอนนี้คือการยอมรับความเสี่ยงที่นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะตึงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เฟดประกาศออกมาแล้วว่าจะขึ้นตลอดทั้งปี สำหรับตอนนี้ ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจใดที่จะดึงความสนใจจากนักลงทุนได้มากเท่าการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงการเติบโตของเงินเฟ้อ ตราบใดที่ตัวเลขทั้งสองนี้ไม่หยุดโต เราเชื่อว่าเฟดจะยิ่งเพิ่มโดสยากระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นเท่านั้น

ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ พวกเขาเชื่อว่าดัชนีราคาผู้ผลิต ที่เป็นมาตรวัดราคาค้าส่ง หรือต้นทุนการผลิตนั้นจะหดตัวลดลงจาก 11.2% ในเดือนมีนาคมเป็น 10.7% ในเดือนเมษายน ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นพระเอกของสัปดาห์นี้ คาดว่าจะออกมาต่ำกว่าตัวเลขในเดือนมีนาคมที่ 8.5% เล็กน้อย และที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการวัดชีพจรทางด้านเศรษฐกิจในช่วงนี้คือกราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สามารถขึ้นยืนเหนือ 3% ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในโลกการเงิน และในสัปดาห์ที่แล้วเราก็ได้เห็นแล้วว่าตลาดลงทุนตอบสนองกับความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างไรหลังจากการประชุมอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนต่างเฝ้ารอ ก่อนหน้าที่จะมีการประชุม นักลงทุนต่างกังวลและคาดหวังว่าเฟดต้องเร่งจัดการกับเงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% 

และเฟดก็ทำตามที่ตลาดต้องการ ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% พร้อมประกาศดูดสภาพคล่องคืน ท่าทีของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ยังคงเป็นการแสดงความเชื่อมั่น ด้วยการให้ความหวังว่าจะสามารถพาเครื่องบินเศรษฐกิจของอเมริกาลงจอดได้อย่างปลอดภัย ตลาดลงทุนค่อนข้างดีใจกับผลการประชุมนี้ และส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดตัวกลับขึ้นมาปิดบวกได้มากกว่า 500 จุด แต่ความดีใจนั้นกลับอยู่ได้ไม่นาน เพราะในวันพฤหัสบดี ขาขึ้นสีเขียวในวันก่อนหน้านั้นระเหยหายไปหมดอย่างรวดเร็ว ทิ้งเอาไว้แต่ขาลงเหมือนเช่นแต่ก่อนการประชุม ราวกับว่าไม่เคยมีการประชุมนั้นเกิดขึ้นมาก่อน

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเมื่อวันศุกร์ที่แล้วสามารถทำราคาปิดได้ที่ 3.142% สร้างจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2018 ตอนนี้เหลืออีกเพียงแค่ 1% เท่านั้นกราฟอัตราผลตอบแทนฯ นี้ก็จะสามารถสร้างจุดสูงสุดที่ไม่เคยเห็นนับตั้งแต่ปี 2011 ได้แล้ว โดยทั่วไปแล้ว การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฯ ปรับตัวขึ้นแปลว่าพันธบัตรรัฐบาลถูกเทขาย และนักลงทุนจะทำเช่นนั้นก็ต่อเมื่ออยู่ในสภาพเศรษฐกิจที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าเศรษฐกิจดี นักลงทุนมักจะหันไปหาตลาดหุ้น

แต่สถานการณ์ในปัจจุบันไม่ได้เหมือนกับในตำราเรียนเศรษฐศาสตร์ การเทขายพันธบัตรรัฐบาลเกิดขึ้นจากนักลงทุนมองว่าความเสี่ยงของเศรษฐกิจอเมริกามีสูงเกินไป ราคาพันธบัตรตอนนี้มีค่าน้อยกว่าผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้น กราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จึงทะยานขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ห้าติดต่อกัน และเป็นสัปดาห์ที่แปดจากเก้าสัปดาห์ล่าสุด