ปัจจุบันตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เป็นไปตามคาด ประกอบกับตัวชี้วัดอื่นๆ ที่ส่งสัญญาณด้านลบต่างก็พากันรุมเร้าเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดตัวเลขที่คาดการณ์ของปริมาณตำแหน่งงานที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง ดัชนีความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจของเยอรมนีลดลงต่ำสุดในรอบเจ็ดปี และปริมาณการบริโภคการลงทุนและการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของจีนก็ ลดต่ำลงกว่าที่คาดไว้ ทั้งหมดนี้คือปัจจัยที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าเป็นตัวชี้วัดการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเร็ววันนี้
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข้อมูลต่างๆ ที่ดูย่ำแย่นั้น ยังมีตลาดน้ำมันซึ่งทำให้มีความหวังมากที่สุดตัวหนึ่งของสหรัฐฯ ในเวลานี้ เนื่องจากทั้งข้อมูลปริมาณการผลิตการใช้และการส่งออกนั้นแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมนี้ยังแข็งแกร่งซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ยังคงมีสัญญาณที่ดี
องค์กรข้อมูลด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณสำรอง ของ น้ำมันดิบในสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วลดลงไป 10 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับว่าเป็นการลดลงที่ค่อนข้างมาก เนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียงประมาณ 2 ล้านบาร์เรลเท่านั้น ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เผยว่ามีการนำน้ำมันสำรองออกไปใช้แล้ว 11 ล้านบาร์เรล
กราฟราคาน้ำมันรายสัปดาห์ในช่วงปี 2016-2019
เมื่อ API เปิดเผยรายงานดังกล่าวออกมาในวันอังคาร ราคาน้ำมันก็เริ่มปรับตัวสูงขึ้น และหลังจากนั้นในวันพุธ EIA ก็มีข้อมูลมายืนยันอีกว่าปริมาณน้ำมันสำรองลดลงไปเป็นจำนวนมาก ราคาน้ำมันดิบ เบรนท์ จึงเพิ่มขึ้นเกือบ 1.9% ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับขึ้น 2.8%
ปริมาณการใช้ น้ำมันดิบ ไม่ใช่ปัจจัยเพียงตัวเดียวที่ชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงดีอยู่ จากรายงานของ EIA ยังแสดงให้เห็นว่าปริมาณสำรองของ น้ำมันเบนซิน และ น้ำมันดีเซล ก็ลดลงด้วยเช่นกัน
ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ซึ่งมีสูงขึ้นมากตลอดช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาค่อนข้างสวนทางกับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอื่นๆ ทำให้นักวิเคราะห์ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจน่าจะกำลังเข้าสู่ช่วงถดถอยถึงกับงงไปตามๆ กัน นักวิเคราะห์หลายคนจึงเริ่มหันไปพิจารณารายงานของ EIA ของสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งชี้ว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ อาจจะลดต่ำลง โดยในรายงานฉบับนั้นระบุว่าปริมาณ น้ำมันเบนซิน สำรองเพิ่มขึ้น 312,000 บาร์เรลและความต้องการใช้น้ำมันลดลง 306,000 บาร์เรลต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่มีสูงมากจากรายงานของ EIA ในสัปดาห์นี้เป็นหลักฐานสำคัญที่จะใช้โต้แย้งได้ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไม่ได้ใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยแต่อย่างใด ไม่เพียงแต่ปริมาณการใช้งานในประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น แต่สหรัฐฯ ยังส่งออกน้ำมันในปริมาณมากถึง 3 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นสัญญาณอีกตัวหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกในขณะนี้ก็ยังคงแข็งแรงอยู่เช่นกัน
แม้จะเป็นช่วงที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงทวีความรุนแรง แต่ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ก็ยังขึ้นไปทำลายสถิติสูงสุดที่ 12.5 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ การวางโครงสร้างท่อส่งน้ำมันเพื่อลดปัญหาคอขวดในเขตเพอร์เมียนก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้การนำ น้ำมันดิบ เข้าสู่ตลาดทำได้ สะดวกยิ่งขึ้น
แน่นอนว่ารายงานจาก EIA ที่ดีเพียงตัวเดียวคงไม่สามารถหักล้างตัวชี้วัดอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนที่ชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวได้ แต่อย่างไรก็ตาม รายงานของ EIA ในด้านการผลิตน้ำมันและความต้องการใช้น้ำมันก็ช่วยผลักดันให้ตลาดเป็นขาขึ้นได้ตลอดช่วงฤดูร้อน การที่ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐฯ ยังคงสูงน่าจะช่วยหยุดการคาดการณ์เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจถดถอยลงได้บ้าง
นักวิเคราะห์ทางด้านน้ำมันหลายรายชี้ว่าตลาดน้ำมันยังมีการซื้อขายกัน ในกรอบราคาที่ค่อนข้างแคบ ที่จริงแล้ว ราคาน้ำมันน่าจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้อีกเมื่อพิจารณาจากกรอบราคาซึ่งค่อนข้างแคบในปัจจุบัน การคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันในอนาคตจะมีน้อยลง รวมทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่อาจกำลังเข้าสู่ช่วงถดถอยเป็นตัวการที่ทำให้ราคาน้ำมันยังลดลงอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นจึงควรจับตามองสถานการณ์น้ำมันและข้อมูลทางเศรษฐกิจอื่นๆ ต่อไปเพื่อดูว่าเศรษฐกิจกำลังจะชะลอตัวลงจริงๆ หรือทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความวิตกกังวลของตลาดในปัจจุบันเท่านั้น