สำหรับกลุ่ม FINANCE เราให้น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” หนุนด้วยอัตราโตของสินเชื่อที่ยังเติบโตได้ดี รวมทั้งได้ประโยชน์จากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาลงซึ่งจะช่วยจำกัดการเพิ่มขึ้นของ Funding Cost ของกลุ่ม โดยเราแนะนำ SAWAD เป็น TOP Pick ของกลุ่ม จากความได้เปรียบเฉพาะตัวในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อผ่าน BFIT บวกกับแนวโน้มกำไรช่วง 3Q62 ที่คาดทำ New High รายไตรมาส อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside น่าสนใจ
คาดกำไรปี 62 ของกลุ่มยังโต หนุนด้วยพอร์ตสินเชื่อรวมที่ขยายตัวได้ดี
เราคาดกำไรสุทธิปี 62 ของกลุ่ม FINANCE ภายใต้การดูแลของเราทั้ง 4 ตัว คือ KTC, AEONTS, SAWAD และ MTC ที่ 17,714 ลบ. โต 17.1%YoY หนุนด้วย 1) สินเชื่อรวมคาดขยายตัว 13%YoY นำโดยกลุ่มสินเชื่อที่หลักประกันทั้ง SAWAD และ MTC ที่คาดโต 23.8%YoY และ 25%YoY ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันของ KTC และ AEONTS คาดมีอัตราโตเพียง 8%YoY และ 6.7%YoY เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเพื่อการบริโภคซึ่งอ่อนไหวต่อภาวะ ศก. ในประเทศ และ 2) ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ในภาพรวมคาดยังแข็งแกร่ง การเพิ่มขึ้นของ Gross NPL มองเป็นเพียงการเพิ่มขึ้นตามการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่ม ขณะที่ Coverage Ratio ของบริษัทในกลุ่มอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง และคาดไม่จำเป็นต้องเร่งตั้งสำรองเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชี IFRS9 ทั้งนี้เราคาด Asset Yield เฉลี่ยของกลุ่มคาดอ่อนลงเล็กน้อยเหลือ 20.9% จาก 21.1% ในปีก่อน หลัง MTC มีการปรับวิธีการคิดดอกเบี้ยมาใช้ตามเกณฑ์ของ ธปท. โดยเปลี่ยนวิธีการคิด Effective rate เป็นรายวันจากเดิมคิดเป็นรายเดือน รวมถึงยกเลิกการคิดดอกเบี้ยในส่วนที่ยังไม่ครบกำหนดในกรณีที่ลูกหนี้ชำระคืนก่อนกำหนด (Prepayment) ขณะที่ SAWAD ดำเนินธุรกิจสินเชื่อส่วนใหญ่ผ่าน BFIT ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว สำหรับ KTC และ AEONTS คาด Asset Yield ทรงตัวเนื่องจากผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลักของบริษัทมีการคิดดอกเบี้ยใกล้เคียงกับเพดานดอกเบี้ยอยู่แล้ว
ให้น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” โดยเลือก SAWAD เป็น Top pick
ราคาหุ้นในกลุ่ม FINANCE ที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากความกังวลที่ NPL มีโอกาสที่จะเร่งตัวขึ้นมากกว่าคาดในช่วงที่เกิดภัยแร้งในช่วงเดือน ก.ค. และภัยน้ำท่วมช่วงต้นเดือน ก.ย. แต่เราขาดปัจจัยลบดังกล่าวจะถูกหักล้างด้วยแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้น ศก. ของภาครัฐฯ ที่เร่งตัวมากขึ้น ส่วนปัจจัยน้ำท่วมคาดมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นน้ำท่วมแบบไหลผ่านซึ่งมีผลต่อข้าวและพืชไร่น้อยกว่าน้ำท่วมขัง ขณะที่ช่วง 3Q62 เราคาดกำไรของกลุ่มยังเติบโตโดดเด่นนำโดยกลุ่มสินเชื่อมีหลักประกันได้แก่ SAWAD (คาดกำไรสุทธิโต 24.5%YoY) และ MTC (คาดกำไรสุทธิโต 13.7%YoY) แต่ยังคงมุมมองระมัดระวังต่อกลุ่มสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันทั้ง KTC (คาดกำไรสุทธิโต 0.5%YoY) และ AEONTS (คาดกำไรสุทธิโต 17.7%YoY)
ให้น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” โดยเลือก SAWAD เป็น Top pick
เราให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม FINANCE “มากกว่าตลาด” โดยมองเป็นกลุ่มที่เติบโตได้ดีภายใต้ภาวะ ศก. ที่ชะลอตัว บวกกับมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงช่วยกดให้ Funding Cost มีโอกาสต่ำลงตาม ส่วนคุณภาพของสินทรัพย์มองยังแข็งแกร่ง และมี Coverage Ratio ที่สูง
- เราเลือก SAWAD เป็น Top Pick ของกลุ่มจาก 1) คาดกำไรช่วง 3Q62 ทำ New High รายไตรมาส ที่ 954 ลบ. โต 24.5%YoY 2) พอร์ตสินเชื่อคาดโตได้ดี จากความต้องการสินเชื่อ Land for cash ที่มีอยู่มาก และบริษัทสามารถคิดดอกเบี้ยได้สูงกว่าตลาด ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปล่อยกู้มากกว่าคู่แข่ง และ 3) ราคาหุ้นยังมี Upside 25.5% จากมูลเป้าหมายปี 63 ที่ 69 บาท และซื้อขายอยู่ที่ระดับ P/BV 4.8x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี – 1 S.D. นอกจากนี้เรายังแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MTC เช่นกัน เนื่องจากคาดยังเห็นการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่ดี แต่บริษัทมีแรงกดดันจากการปรับวิธีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยมาใช้เกณฑ์ของ ธปท. ทำให้ NIM มีแนวโน้มอ่อนตัวลง อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เพียง 15.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 63 ที่ 64 บาท เราจึงให้น้ำหนักการลงทุนน้อยกว่า SAWAD ส่วน AEONTS เราคาดมีแรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อใน CLM ที่จะมีสัดส่วนต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บวกกับ CIR ที่คาดทยอยลดลง จากแผนคุมเข้มค่าใช้จ่ายและการใช้ AI เข้ามาในระบบติดตามหนี้ ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 16.2% จากมูลค่าพื้นฐานปี 63/64 ที่ 248 บาท เราจึงแนะนำ “ซื้อ” อย่างไรก็ดี KTC เราแนะนำเพียง “Trading” เนื่องจากสินเชื่อส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน ทำให้บริษัทเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นภายใต้ภาวะ ศก. ที่ชะลอลง ส่งผลต่อการโตของสินเชื่อรวมที่คาดไม่โดดเด่น รวมทั้งราคาหุ้นปรับขึ้นจนมี Upside เหลือเพียง 6.2%
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities