รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ “กลัวเสียโอกาส”

เผยแพร่ 17/09/2562 15:05
อัพเดท 02/09/2563 13:05

บทความโดย Michale Kramer ชิ้นนี้เขียนให้กับ Investing.com โดยเฉพาะ

วันแรงงานที่ผ่านมาไม่เพียงแต่เป็นการบ่งบอกว่าช่วงฤดูร้อนได้สิ้นสุดลงแล้วเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงที่การพูดถึงเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มลดลงไปบ้างแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังมีปัจจัยตัวใหม่ที่อาจจะเรียกได้ว่าเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมกำลังจะเข้ามาทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้น นั่นก็คือ ความกลัวที่จะเสียโอกาส เพราะเพียงชั่วพริบตาเดียวตลาดหุ้นทั่วโลกก็พากันดีดตัวขึ้นจากเดือนสิงหาคมที่ค่อนข้างซบเซาได้อย่างมากและยังมีแนวโน้มว่าจะพุ่งขึ้นต่อไปอีก

แม้ว่าอาจจะเป็นการด่วนสรุปที่อาจเร็วไปอยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์ที่ ธนาคารของสหรัฐฯ และ ธนาคารกลางยุโรป กำลังมีท่าทีที่จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเช่นนี้ก็น่าจะทำให้สภาพเศรษฐกิจน่าจะเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นได้ ดังจะเห็นได้จากกลุ่มอุตสาหกรรมบางกลุ่มที่เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้บ้างแล้ว หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปก็อาจทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อไปได้จนถึงช่วงปลายปี

ราคาใกล้แตะสถิติสูงสุดตลอดกาล

เมื่อวันที่ 5 กันยายน ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นไปทำลายสถิติสูงสุดที่เคยทำในเดือนสิงหาคมได้ หลังจากนั้นก็ยังคงปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และกำลังจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านทางเทคนิคสำคัญที่ระดับ 3,015 อีกครั้ง โดยหากสามารถขึ้นไปได้ถึงระดับนี้ได้จริงก็จะเป็นการทำลายสถิติสูงสุดครั้งใหม่ของดัชนีนี้ได้

S&P 500

กราฟดัชนี S&P 500

การฟื้นตัวขึ้นของตลาดโดยรวม

การปรับขึ้นของราคาในรอบนี้ดูเหมือนว่าจะมาจากพื้นฐานที่ค่อนข้างแข็งแรง หากนับจากวันที่ 27 สิงหาคมเป็นต้นมา ดัชนีหุ้นขนาดเล็กอย่าง Russell 2000 ก็ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 8% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นมาได้ราว 5% นอกจากนี้ ดัชนี ขนส่งดาวโจนส์ ซึ่งมีปรับตัวแกว่งออกด้านข้างมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ก็ขยับขึ้นมาได้เกือบ 10% ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้นยังเป็นโอกาสให้หุ้นบางกลุ่มสามารถทำผลงานให้ดีกว่าเดิมได้ในช่วงเดือนกันยายนอีกด้วย หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งประเมินจาก VanEck Vectors Semiconductor ETF (NYSE:SMH) มีการปรับขึ้นมาประมาณ 6% หุ้นในกลุ่มพลังงานซึ่งอ้างอิงจากกองทุนรวมดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน (NYSE:XLE) ปรับขึ้นมาประมาณ 5% หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานที่มีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจ วัดจากกองทุนรวมดัชนีราคาหุ้นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม (NYSE:XLI) ปรับขึ้นมาประมาณ 4% ซึ่งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวทั้งหมดถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวและสะท้อนถึงการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งสิ้น

Industrial Select Sector SPDR

กราฟกองทุนรวมดัชนีราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงาน

ตลาดทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสถานการณ์ตลาดทั่วโลกที่เริ่มมีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น อย่างเช่น ดัชนี KOSPI ในเกาหลีใต้สามารถไต่ขึ้นมาเหนือระดับสูงสุดในเดือนสิงหาคมในวันที่ 4 กันยายนได้เป็นครั้งแรก โดยสามารถทะลุแนวต้านที่ระดับประมาณ 1,980 ไปได้ จนทำให้ขณะนี้ตลาดหุ้นที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเลขการส่งออกนี้ได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่เหนือเส้นแนวโน้มขาลงที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนเมษายนได้แล้ว แม้ว่าดัชนี DAX ของเยอรมนีจะปรับตัวสูงขึ้นได้ราว 5% นับจากต้นเดือนกันยายนเป็นต้นมา แต่ในทางเทคนิคถือว่าใกล้เคียงจุดที่กำลังจะทะลุแนวต้านขึ้นไปอีกได้

KOSPI

กราฟดัชนี KOSPI

เศรษฐกิจจะถดถอยได้อย่างไร?

ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นน่าจะเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าโอกาสในการที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะหดตัวลงนั้นน่าจะเกิดขึ้นได้น้อยลง รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เคยทำรูปแบบ Inversion ก็ได้หายไปแล้ว ปัจจุบันผลต่างของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี กับ 2 ปี กลับมาอยู่ในระยะที่ปกติมากขึ้น จากเดิมที่เคยมีผลต่างราว -6 จุดเบสิสในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ขณะนี้กลายมาเป็น 6 จุดเบสิส

ความกลัวที่จะเสียโอกาส

เมื่อพิจารณาจากผลงานของตลาดของหุ้นในกลุ่มที่มีความอ่อนไหวกับสภาพเศรษฐกิจข้างต้นแล้ว หากปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มน้อยลงและเศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาเติบโตได้อีกครั้งจริง นักลงทุนก็จะเริ่มมีความกังวลอีกประเภทหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งก็คือความกลัวที่จะเสียโอกาสในการฟื้นตัวช่วงปลายปี

หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็น่าจะสามารถขยับขึ้นทะลุการสะสมตัวที่มีมานานเกือบสองปีนี้ไปได้ ซึ่งก็อาจหมายความว่าการปรับตัวขึ้นในครั้งนี้อาจเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ภายในอีกไม่กีสัปดาห์ข้างหน้าก็น่าจะได้รู้กันว่าเรื่องราวจะเข้มข้นขึ้นต่อไปอย่างไร




ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย