ในปีนี้ราคาหุ้นของ Alibaba Group Holdings (NYSE:BABA) และ Tencent Holdings (OTC:TCEHY) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เน็ตของจีนค่อนข้างแปรปรวนอยู่พอสมควร ทั้งสองบริษัทได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของจีนซึ่งทำให้การใช้จ่ายและการโฆษณาของผู้บริโภคลดลงอย่างมาก
แต่หุ้นของ Alibaba บริษัททางด้านอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของจีนที่ปรับตัวขึ้นไปในปีนี้ได้ราว 28% ยังทนทานต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้ดีกว่า Tencent ที่หุ้นของตนเริ่มอ่อนแรงลง โดยปรับขึ้นไปในปีนี้ได้เพียง 8% เท่านั้น
การฟื้นตัวของหุ้น Alibaba เกิดขึ้นหลังจากที่ประสบปัญหาหนักในปี 2018 ที่หุ้นร่วงลงไปถึง 20% ส่วนหุ้นของ Tencent นั้นก็ปรับลดลงไปเกือบตลอดทั้งไตรมาสในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของจีนเริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ จนทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น
เราจะมาพิจารณารายละเอียดจากข้อมูลในรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุดของทั้งสองบริษัทเพื่อดูว่าในปี 2020 บริษัทจะมีแนวโน้มต่อไปอย่างไร
Alibaba: โมเมนตัมของกำไรยังไปได้สวย
Alibaba บริษัทที่ Taobao และ Tmall ใช้บริการเพื่อจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคชาวจีนได้ประกาศ ผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด ออกว่าให้เห็นว่าแพลตฟอร์มของตนยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลงหรือมีปัจจัยเสี่ยงในภาพรวมอยู่บ้างก็ตาม เมื่อเดือนที่ผ่านมาบริษัทรายงานว่ามีรายได้และกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยรายได้เพิ่มขึ้นถึง 42% ในขณะที่ผลกำไรมีมากขึ้นกว่าสองเท่า
กราฟราคาหุ้นของ BABA รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด
สิ่งที่ทำให้บริษัท Alibaba ซึ่งเปรียบเสมือน Amazon (NASDAQ:AMZN) แห่งประเทศจีนไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯได้ก็คือการที่ผู้บริโภคหันมานิยมช็อปปิ้งทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการใช้โปรโมชันทางด้านการขายทั่วประเทศ การเติบโตในธุรกิจคอมพิวเตอร์ระบบคลาวด์ซึ่งครองตลาดกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศขยายตัวขึ้นถึง 66%
จากนี้ไป Alibaba น่าจะมีโอกาสในการเติบโตและกระจายความเสี่ยงที่ดีมากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนอย่างหนักในการขยายธุรกิจไปในด้านคอมพิวเตอร์ระบบคลาวด์ โดยการเปิดศูนย์ข้อมูลในยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งในจีนเองด้วย
นายแดเนียล จาง ผู้บริหารคนใหม่ของ Alibaba ได้ให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับ Business Week ว่า Alibaba เป็นตั้งเป้าหมายตำแหน่งทางการตลาดของตนเป็นผู้รวมโลกของการซื้อขายสินค้าออนไลน์และออฟไลน์มาไว้รวมกัน ที่จริงแล้วแนวความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ ของเขาคือการผลักดันให้ Alibaba สามารถเดินเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ อย่างเช่น ธุรกิจการเงิน ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพ ภาพยนตร์ และดนตรีด้วยเช่นกัน
Tencent: ธุรกิจเกมยังประสบปัญหาด้านข้อบังคับหลายอย่าง
บริษัท Tencent ซึ่งอาจเปรียบเสมือน Facebook (NASDAQ:FB) ของจีนยังคงไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนจากปีที่แล้วได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากในปี 2018 ธุรกิจเกมของบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจากเมืองเสินเจิ้นรายได้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกฎระเบียบที่รัฐบาลจีนกำหนด นอกจากนั้นสถานการณ์ของเศรษฐกิจในภาพรวมซึ่งยังย่ำแย่ ทำให้บริษัทต่างๆ ปรับลดงบประมาณในการซื้อโฆษณาของ Tencent ลงอย่างมาก
กราฟราคาหุ้นของ Tencent รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด
ปัจจัยด้านบวกในภาพรวมที่จะมาช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของบริษัทก็ยังคงไม่มี
หลักฐานล่าสุดที่แสดงว่าบริษัทยังคงมีสถานการณ์ย่ำแย่ก็คือ ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของบริษัทซึ่งประกาศออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว รายได้จากธุรกิจโฆษณาออนไลน์ทำได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ถึง 16%
ในขณะที่ยอดขายจากโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์และ “อื่นๆ” เพิ่มขึ้น 28% ส่วนรายได้จากสื่อโฆษณาลดลง 7% เนื่องจากมีการเลื่อนกำหนดการออกอากาศละครบางเรื่อง
และแม้ว่าทางการจะอนุญาตให้มีการเปิดตัวเกมใหม่ได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยสั่งห้ามไว้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งรวมไปถึงเกมยอดฮิตของ Tencent ในปี 2019 อย่าง Peacekeeper Elite แต่ก็เป็นการดำเนินการที่ค่อนข้างช้า อุปสรรคดังกล่าวจึงทำให้การฟื้นตัวของธุรกิจเกมของบริษัทซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทต้องเกิดการชะลอตัวลงตามไปด้วย
นายเจมส์ มิตเชลล์ หัวหน้าแผนกกลยุทธ์ของบริษัทเปิดเผยต่อนักวิเคราะห์ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า “เราคาดว่า สถานการณ์ในภาพรวมจะยังคงเป็นอุปสรรคกับบริษัทไปจนถึงสิ้นปีนี้” เขาเสริมว่า “สถานการณ์ที่มีผู้ให้บริการโฆษณาจำนวนมากเช่นนี้น่าจะยังมีอยู่ต่อไปจนถึงสิ้นปี หรืออาจจะถึงปีหน้าด้วยซ้ำไป” และอาจส่งผลกับรายได้จากกลุ่มธุรกิจยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และบริการทางการเงินอีกด้วย
นักวิเคราะห์กล่าวว่าบริษัท Tencent น่าจะยังสามารถเติบโตต่อได้ในช่วงครึ่งหลังของปี จากการเปิดตัวเกมยอดฮิตอย่าง Peacekeeper Elite รวมถึงเกมก่อนหน้านี้อย่าง Honour of Kings เนื่องจากบริษัทได้เปิดตัวเกมใหม่จำนวน 10 เกมในช่วงไตรมาสที่ 2
นอกเหนือจากธุรกิจเกม นักวิเคราะห์ยังให้ความสนใจกับการพยายามเพิ่มยอดขายจากบริการรับชำระเงินใน WeChat ระบบคอมพิวเตอร์แบบคลาวด์ และการจัดการความมั่งคั่งของ Tencent
หน่วยธุรกิจดังกล่าวมีการเติบโตขึ้นได้ถึง 37% ในไตรมาสที่ผ่านมา แพลตฟอร์มการบริหารจัดการความมั่งคั่งที่เรียกว่า Licaitong ของบริษัท Tencent ซึ่งถือได้ว่าเป็นคู่แข่งกันกับ Ant Financial ของ Alibaba มียอดสินทรัพย์รวมจากลูกค้า ณ สิ้นเดือนมิถุนายนถึง 8 แสนล้าน หยวน เลยทีเดียว
บทสรุป
สำหรับผู้ที่ถือหุ้นของ Alibaba อยู่จะเห็นได้ชัดว่า Alibaba ยังเป็นผู้ที่ทำผลงานในปี 2019 ได้โดดเด่นกว่า Tencent โดยหุ้นของบริษัทไปปิดตลาดเมื่อวานนี้อยู่ที่ระดับ $171.55 ความแข็งแกร่งทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซของบริษัทและการเป็นที่รู้จักของตลาดในประเทศอย่างกว้างขวางจะช่วยให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤติและอุปสรรคต่างๆ ที่คู่แข่งรายอื่นๆ กำลังประสบไปได้อย่างแน่นอน
แต่เราก็ชื่นชอบหุ้นของ Tencent ด้วยเช่นกัน การที่ราคาหุ้นของบริษัทปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ระดับ $42.270 ทำให้เห็นว่าช่วงนี้ธุรกิจของ Tencent ยังอ่อนแรง แต่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อเก็บไว้ เนื่องจากธุรกิจเกมของบริษัทนั้นยังคงความแข็งแกร่งและยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อีกมาก นอกจากนี้รูปแบบธุรกิจของ Tencent ก็พิสูจน์แล้วว่ามีความทนทานสูงกว่าคู่แข่งในกลุ่มประเทศตะวันตกอีกหลายแห่งด้วยซ้ำไป