รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หุ้น 3 ตัวที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือ PepsiCo, Costco และ Alibaba

เผยแพร่ 30/09/2562 14:57

หุ้น 3 ตัวที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือ PepsiCo, Costco และ Alibaba

ช่วงนี้ตลาดยังคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความหวังที่จะเห็นการบรรลุข้อตกลงระหว่างทั้งสองประเทศก็ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงไป 1.1% ในช่วงห้าวันทำการที่ผ่านมา จนทำให้ราคาที่ปรับขึ้นมาในช่วงไตรมาสที่สามสูงขึ้นเพียงครึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ด้านตลาดหุ้นก็ยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เริ่มกระบวนการสอบสวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอีกเรื่องหนึ่งที่จะส่งผลกระทบกับการซื้อขายที่ยังคงมีความ ผันผวน ในปัจจุบัน

นอกเหนือจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในภาพรวมดังกล่าวนี้แล้ว เรากำลังจับตามองหุ้นบริษัทขนาดใหญ่สามแห่งที่กำลังจะมีการประกาศผลประกอบการออกมาให้ทราบในสัปดาห์นี้ดังนี้

1. PepsiCo

บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการขนมและเครื่องดื่มอย่าง PepsiCo (NASDAQ:PEP) จะ รายงาน ผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามออกมาในวันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคมนี้ก่อนเปิดตลาด นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไรต่อหุ้น $1.5 และมีรายได้อยู่ที่ 16,930 ล้านเหรียญ

PEP Weekly TTM

กราฟราคาหุ้น PEP รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด

รายงานผลประกอบการที่กำลังจะประกาศออกมานี้นั้นน่าจะช่วยให้เห็นข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่ากำไรของ Pepsi นั้นน่าจะมาจากความต้องการซื้อที่ยังมีมาก ประกอบกับความสำเร็จในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นมันฝรั่งทอดยี่ห้อดังอย่าง Frito-Lay, Tostitos และ Ruffles หรือเครื่องดื่มคาร์บอเนตเพื่อบำรุงกำลังอย่าง Mountain Dew ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในบรรดานักเล่นเกมตัวยง ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาปริมาณความต้องการซื้อเครื่องดื่มชูกำลังผสมคาเฟอีนของบริษัทตัวนี้ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเล่นเกมมีการเติบโตขึ้นอย่างมากจนถึงขนาดที่ว่า สต๊อคฝาขวดมีไม่เพียงพอ เลยทีเดียว

หากผลประกอบการออกมาดีก็จะช่วยให้หุ้นของ Pepsi ดีดตัวขึ้นไปได้สูงขึ้นอีก หลังจากที่หุ้นของบริษัทได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างมากอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว หุ้นของ Pepsi ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ $135.60 ซึ่งถือว่าปรับขึ้นมาในปีนี้มากกว่า 20% แล้ว

2. Costco Wholesale (NASDAQ:COST)

หุ้นในกลุ่มค้าปลีกหลายตัวอาจต้องหันกลับไปพิจารณาตนเองกันอีกครั้งเมื่อ Costco Wholesale (NASDAQ:COST) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ของปี 2019 ออกมาในช่วงหลังปิดตลาดของวันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไร $2.54 ต่อหุ้น และมียอดขายอยู่ที่ 47,480 ล้านเหรียญ

COST Weekly TTM

กราฟราคาหุ้น COST รายสัปดาห์ในรอบ 12 เดือนล่าสุด

รายงานผลประกอบการ ของบริษัท Costco (NASDAQ:COST) ประจำไตรมาสนี้น่าจะไม่ออกมาแย่เหมือนบริษัทค้าปลีกชั้นนำรายอื่นๆ บริษัท Costco เปิดเผยเมื่อเดือนก่อนว่ายอดขายประจำห้างยังคงดีมากและเกินกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้

ตัวเลขการคาดการณ์ยอดขายของบริษัทก็จะเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นทุนสินค้าอาจได้รับผลกระทบจากเรื่องภาษีที่มาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่สูงขึ้น ซึ่งก็ได้เริ่มส่งผลเสียกับผู้นำเข้าสินค้าจากจีนไปบ้างแล้ว

นอกจากนี้จากรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แสดงให้เห็นว่า เริ่มมีการชะลอตัวลง และหากเศรษฐกิจถดถอยจริงก็อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปีต่อๆ ไปได้

แต่ในปัจจุบันหุ้นของ Costco (NASDAQ:COST) ยังถือว่าเป็นหนึ่งในหุ้นยอดนิยมของบรรดานักลงทุนอยู่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นของ Costco ปิดตลาดที่ระดับ $285.95 ถือว่าปรับขึ้นมาในปีนี้แล้วทั้งสิ้นราว 40%

3. Alibaba (NYSE:BABA)

ผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบกับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลายตัวของจีนในดัชนี NASDAQ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทำเนียบขาวก็ กำลังพิจารณา วิธีในการจำกัดการลงทุนของสหรัฐฯ ในจีนอยู่

รายงานของ CNBC ระบุว่า ทำเนียบขาวอาจระงับการลงทุนทางการเงินของสหรัฐฯ ในจีนทั้งหมดโดยการให้เหตุผลว่าเป็นการปกป้องสิทธิ์ของนักลงทุนชาวอเมริกันได้ แหล่งข่าวแจ้งว่า การตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและยังไม่น่าจะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

BABA Weekly TTM

กราฟราคาหุ้น BABA รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด

แต่กระแสข่าวดังกล่าวก็มีผลมากพอที่จะทำให้เกิดการเทขายหุ้นของบริษัทจีนที่ค่อนข้างแรงขึ้นได้ โดยหุ้นดังอย่าง Alibaba Group Holdings (NYSE:BABA) กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกเทขายออกมาค่อนข้างมากจนทำให้ปรับตัวลดลงไปเมื่อวันศุกร์มากกว่า 5% และคาดว่าน่าจะปรับลดลงไปอีกในช่วงสัปดาห์ต่อๆ จากนี้ได้หากยังไม่มีกระแสข่าวในเชิงบวกที่จะทำให้เกิดความมั่นใจในเรื่องการเจรจาทางการค้าที่ดีขึ้นกว่าเดิมออกมา

ข่าวที่เป็นกระแสดังกล่าวน่าจะเป็นการสร้างแรงกดดันจากฝ่ายของสหรัฐฯ ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจาครั้งสำคัญกับจีนเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม ก็อาจถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อหุ้นยอดนิยมอย่าง Alibaba (NYSE:BABA) ในช่วงที่ราคาปรับลดลงเช่นนี้ได้เช่นกัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นของ Alibaba ปิดตลาดที่ระดับ $165.98 ถือว่าปรับตัวขึ้นมาในปีนี้แล้วทั้งสิ้น 19%

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย