รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

สินค้าโภคภัณฑ์สัปดาห์นี้: เมื่อสหรัฐฯ ระงับเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนชั่วคราว

เผยแพร่ 15/10/2562 10:38
อัพเดท 14/08/2566 17:57

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ตัดสินใจระงับการเก็บภาษี “ชั่วคราว” กับจีน

จากจุดนี้ เราจะขอย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม 2018 เพื่อดูว่าหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงตกลงที่จะพักรบชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันเพื่อเปิดการเจรจาครั้งใหม่นั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ก่อนหน้านั้นก็มีการเว้นช่วงการเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศอยู่เป็นระยะๆ เช่นกัน แต่ช่วงพักในเดือนธันวาคมถือว่าเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์สำคัญมากที่สุด

จีนเคยตกลงให้สัญญาในขณะนั้นว่าจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ “จำนวนมาก” แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ธุรกิจของจีนได้ซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ไปอย่างน้อย 1 ล้านตัน แหล่งข่าวบางแห่งรายงานว่าปริมาณการซื้อดังกล่าวอาจมากถึง 2.2 ล้านตัน

เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเดือนเมษายน ทั้งสองประเทศก็ยังคงมีการเจรจากันอยู่ นายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ก็ยังเปิดเผยด้วยว่าการเจรจา “เป็นไปด้วยดี”

จากนั้นในเดือนพฤษภาคม การเจรจาก็เริ่มไม่เป็นผล

ทรัมป์ประกาศว่าทำเนียบขาวปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าของจีนคิดเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ โดยปรับเพิ่มจาก 10% เป็น 25% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป ประธานาธิบดีทรัมป์ให้เหตุผลว่าการปรับขึ้นอัตราภาษีในครั้งนั้นเกิดจากการที่จีนต้องการขอ “เจรจาใหม่อีกครั้ง” กับข้อตกลงที่ได้ผ่านการพูดคุยกันไปก่อนหน้านี้แล้ว

ทำเนียบขาวยังได้ตัดสินใจประกาศห้ามไม่ให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนอย่างหัวเว่ยทำธุรกิจใดๆ ร่วมกับสหรัฐฯ โดยไม่รอการอนุมัติจากรัฐบาล นอกจากนั้นนายโรเบิร์ต ไลทิเซอร์ ตัวแทนผู้เจรจาจากสหรัฐฯ ยังกล่าวโทษจีนว่าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงในเรื่องการค้าผ่านระบบดิจิทัล รวมถึงเรื่องสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการคอมพิวเตอร์ระบบคลาวด์ในจีนด้วย

ส่วนทางด้านของจีนก็ได้ประกาศว่าจะเพิ่มอัตราภาษีกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปเช่นกัน

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน ทั้งสองฝ่ายต่างก็แสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนท่าทีจากเดิมไปเล็กน้อย

แล้วจู่ๆ ทำเนียบขาวก็ประกาศออกมาว่าจะเริ่มการเจรจาครั้งใหม่อีกครั้งในเดือนตุลาคม จนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทรัมป์ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าสามารถตกลงกันในข้อตกลงส่วนหนึ่งได้เรียบร้อยแล้ว

กลับมาที่เหตุการณ์ในปัจจุบัน วันจันทร์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นวันที่ 463 ของสงครามการค้าในครั้งนี้

สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเป็นมูลค่าถึง 550,000 แสนล้านเหรียญ ในขณะที่จีนก็เอาคืนด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นจำนวน 185,000 ล้านเหรียญเช่นกัน

เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน โอกาสในการที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้จึงยังค่อนข้างไม่แน่นอน

ทรัมป์กล่าวว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-5 สัปดาห์ในการที่จะร่างข้อตกลงบางส่วนที่เจรจาสำเร็จแล้วนั้นออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งในข้อตกลงดังกล่าวนี้จะร่วมไปถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา บริการทางการเงิน และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมูลค่า 4-5 หมื่นล้านเหรียญด้วย แต่ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยว่าสหรัฐฯ จะตอบแทนจีนในครั้งนี้อย่างไร เพียงแต่แจ้งว่าข้อตกลงร่วมกันในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จในช่วงแรกจากทั้งหมดสามช่วง

ถึงเวลาเข้าเสี่ยงในตลาดแล้วหรือยัง?

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในรอบสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์หลังจากที่เกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดิอาราเบียในช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นต้นมา อันเป็นผลจากการที่ทรัมป์ออกมาประกาศข่าวดีว่าสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าส่วนหนึ่งได้แล้วนั่นเอง

WTI 60-Min Chart

กราฟราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสราย 60 นาที

กราฟทั้งหมดสร้างโดย TradingView

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และ น้ำมันดิบเบรนท์ ในรอบสัปดาห์ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นได้ 3.6% เฉพาะวันศุกร์เพียงวันเดียวสามารถปรับขึ้นได้ 2%

แม้ว่าราคาน้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น แต่ในสัปดาห์นี้นักลงทุนบางรายก็ยังเตรียมตัวขายออกกันอยู่ ตราบใดที่ยังไม่เห็นผลการเจรจาทางการค้าที่เป็นรูปธรรม และเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณอ่าวเปอร์เซียยังไม่สงบลง สาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันเมื่อวันศุกร์ปรับตัวขึ้นมาได้เกิดจากการที่อิหร่านออกมากล่าวอ้างว่าการที่เรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งของอิหร่านถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธในบริเวณอ่าวนั้นเป็นฝีมือของอิหร่านเอง ซึ่งก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าใดนักเนื่องจากยังมีความขัดแย้งหลายอย่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายจอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนผู้ก่อตั้งบริษัทกองทุนบริหารความเสี่ยงด้านพลังงาน Again Capital ในนิวยอร์คกล่าวว่า “สิ่งที่เราได้เห็นมาตลอดจากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้นทำให้เรายังไม่ปักใจเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันได้จนกว่าจะมีรายงานออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร รวมทั้งมีการลงนามจากจีนแล้วเท่านั้น จึงจะถือว่าข้อตกลงดังกล่าวนั้นบรรลุแล้วจริงๆ” เขายังเสริมด้วยว่า “ภาวะความตึงเครียดบริเวณอ่าวเปอร์เซียก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยังไม่มีความแน่นอน ดังนั้นนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณา”

ในช่วงแรกของการซื้อขายในตลาดเอเชีย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็ปรับตัวลงราว 0.5% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการเปิดเผยผลการเจรจาทางการค้าของทรัมป์เมื่อวันศุกร์อยู่

Gold 60-Min Chart

กราฟราคาทองคำราย 60 นาที

ในส่วนของ ทองคำ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงและนักลงทุนมักจะหันไปพึ่งพอในช่วงที่ภาวะสงครามทางการค้าไม่แน่นอนนั้น เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาในตลาดเอเชียก็ยังคงมีการซื้อขายกันในระดับคงที่อยู่ที่ระดับ $1,490 แต่ในช่วงวันทำการก่อนหน้านั้นก็มีการปรับลดลงไปอยู่ที่ $1,478 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ เนื่องจากผลการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ออกมาดี ทำให้นักลงทุนต่างเริ่มต้องการเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น

ธนาคาร OCBC รายงานเกี่ยวกับทองคำไว้ว่า แม้ว่ากระแสข่าวในช่วงนี้จะแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของการเจรจาทางการค้าจะเป็นไปในทิศทางที่ส่งเสริมให้นักลงทุนกล้าที่จะเสี่ยงมากขึ้น “เราเคยเห็นเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นในเดือนเมษายนมาก่อนแล้วเช่นกัน”

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย