บริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Procter & Gamble (NYSE:PG) จะรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ของบริษัทในวันพฤหัสบดีก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จะเปิดทำการ
เราเชื่อว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นจะยังคงเดิมเหมือนในไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ $1.37 ซึ่งปรับตัวขึ้นมาจาก $1.25 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2018 ส่วนผลกำไรที่บริษัทสามารถทำได้จะมีตัวเลขอยู่ที่ $18,410 ล้านเหรียญสหรัฐปรับตัวขึ้นมาจาก $17,450 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่แล้ว
ตัวเลขผลกำไรที่บริษัท P&G สามารถทำได้สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ถึง 5 ครั้งและตัวเลขกำไรปันผลต่อหุ้นออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ได้ถึง 15 ครั้ง บริษัทจะยังคงรักษาสถิตินี้ต่อไปได้หรือไม่? ถ้าสามารถทำได้จริงทำไมอุปสงค์/อุปทานการเทรดของบริษัทจะไม่สมดุล? แม้เราจะไม่รู้ว่าอนาคตอะไรจะเกิดขึ้นแต่เราคิดว่านักลงทุนสายเก็บหุ้นสะสมไม่ได้ดีใจกับผลกำไรที่ได้เป็นปกติอยู่ตลอดของบริษัท P&G และนั่นอาจนำไปสู่ปัญหาที่แสดงออกมาในรูปแบบขาขึ้นที่มีความผิดปกติ
หุ้นของบริษัท P&G ได้วิ่งอยู่ในรูปแบบคอนเวอร์เจนต์มานานนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมซึ่งจากรูปจะเห็นได้ว่ากราฟเริ่มทำรูปแบบสามเหลี่ยมรูปลิ่มแล้ว (Rising Wedge) รูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ราคาจะยังคงวิ่งขึ้นแต่เป็นการวิ่งขึ้นแบบค่อยๆ ชะลอตัวลง
รูปแบบนี้แสดงอารมณ์ของนักลงทุนให้เห็นว่าเป็นไปได้ที่นักลงทุนอาจเริ่มหมดความอดทนและเบื่อที่จะเห็นตัวเลขผลกำไรแบบเดิมๆ กลับมาในทุกๆ ครั้ง นักลงทุนเริ่มชินชากับกราฟตัวนี้ซึ่งหมายถึงอัตราการเติบโตที่ลดลง เราสามารถสังเกตเห็นได้ว่าเส้นค่าเฉลี่ย 100DMA ที่ทำหน้าที่เป็นเส้นแนวโน้มขาขึ้นในช่วงตั้งแต่ที่กรอบของสามเหลี่ยมรูปลิ่มเริ่มสร้างราคาได้ลงมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยนี้หลายครั้งซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงที่เริ่มอ่อนแรง
ราคาของหุ้น P&G ในตอนนี้อยู่เหนือเส้นแนวโน้มเพียง 25% นับตั้งแต่จุดต่ำสุดของเดือนพฤษภาคมปี 2018 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของดัชนีดาวโจนส์จะพบว่าดัชนีดาวโจนส์มีระยะห่างจากเส้นแนวโน้มขาขึ้นอยู่เพียง 7% เท่านั้นซึ่งนับตั้งแต่จุดต่ำสุดของเดือนธันวาคมปี 2018 เมื่อเทียบจุดสูงสุดของหุ้น P&G จะเห็นว่ากราฟสามารถทำจุดสูงสุดติดกันได้ 4 ครั้งและยังอยู่ในระนาบที่ใกล้กันอีกด้วย เมื่อจุดสูงสุดไม่ปรับตัวสูงขึ้นนั่นหมายถึงการเปิดโอกาสให้กับแนวโน้มขาลง
ที่สำคัญนอกจากหุ้น P&G จะเกิดรูปแบบสามเหลี่ยมรูปลิ่มแล้ว เรายังพบสัญญาณไดเวอร์เจนต์ของขาลงในอินดิเคเตอร์ RSI ด้วยซึ่งหมายถึงสัญญาณของตลาดหมี
กลยุทธ์การเทรด
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอให้ราคาเกิดการทะลุลงมาก่อนอย่างน้อย 3% เพื่อเลี่ยงการลงหลอกของราคา จากนั้นจะรอการดีดกลับไปทดสอบแนวต้านที่เป็นกรอบราคาของสามเหลี่ยมรูปลิ่ม
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอให้ราคาเกิดการทะลุลงมาก่อนอย่างน้อย 2% เพื่อเลี่ยงการลงหลอกของราคา จากนั้นจะรอการดีดกลับของราคาให้ขึ้นมาจนถึงจุดเข้าที่ตั้งใจไว้ ไม่จำเป็นต้องรอสัญญาณยืนยันการกลับตัว
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งขายเลยตั้งแต่ตอนนี้แต่นักลงทุนต้องเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงของรูปแบบสามเหลี่ยมรูปลิ่มให้ได้
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $127
- Stop-Loss: $128
- ความเสี่ยง: $1
- เป้าหมายในการทำกำไร:$124 ที่จุดต่ำสุดของรูปแบบสามเหลี่ยมซึ่งอาจกลายเป็นแนวรับ
- ผลตอบแทน: $3
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3