รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ข้อมูลคาดการณ์สถานการณ์ตลาดน้ำมันดิบจากองค์กรชั้นนำต่างๆ ของโลก

เผยแพร่ 18/02/2563 12:13
อัพเดท 09/07/2566 17:31

ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่มีต่อเศรษฐกิจจีนและปริมาณความต้องการน้ำมันดิบที่ลดลงจะจบลงเมื่อไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นประเทศจีนไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลตัวเลขและข้อมูลอย่างเป็นทางการส่วนมากถูกควบคุมโดยรัฐบาลซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีโอกาสที่ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกบิดเบือนไปจากความเป็นจริงด้วยเหตุผลทางการเมือง จากสาเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับสื่อภายนอกรวมถึงพวกเราที่จะสามารถคาดการณ์ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตและผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ตอนนี้เราได้เดินทางมาถึงช่วงกลางเดือนที่ 2 ของปี 2020 แล้วจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่ส่งผลให้เศรษฐกิจหลายๆ ประเทศชะลอตัวลง นักวิเคราะห์จากสถาบันชั้นนำเริ่มออกรายงานผลคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้มาแล้วซึ่งรวมไปถึงปริมาณความต้องการน้ำมันดิบด้วย แม้จะยังมีหรือไม่มีแหล่งที่มาของข้อมูลชัดเจนนักแต่ข้อมูลเหล่านี้อย่างน้อยก็สามารถให้คำตอบกับนักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนาและความคิดนั้นก็แสดงออกมาในรูปแบบของแรงขับเคลื่อนที่อยู่ในตลาดลงทุน ณ ปัจจุบัน

ในบทความนี้เราจะพาไปดูกันว่าสถาบันและองค์กรชั้นนำเขามีความคิดอย่างไรกับราคาน้ำมันดิบกันบ้าง

BP ตัดสินใจลดภาพรวมตัวเลขปริมาณการใช้งานน้ำมันดิบ

บีพี (NYSE:BP) ถือเป็นสถาบันแรกๆ ที่ออกมาคาดการณ์ผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่กระทบต่อปริมาณความต้องการน้ำมันดิบของทั้งโลก เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ CFO ของสถาบันกล่าวว่า “ในปี 2020 โลกจะชะลอตัวจากไวรัสโรโนาทำให้อัตราการเติบโตของตัวเลขการใช้งานน้ำมันลดลงจาก 500,000 บาร์เรลต่อวันเหลือ 300,000 บาร์เรลต่อวัน”

การคาดการณ์จากบีพีเป็นสาเหตุหนึ่งราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกราฟรายสัปดาห์ของราคาน้ำมันดิบ WTI

Rystad Energy มองว่าตลาดน้ำมันดิบจะยิ่งแย่ลง

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมปี 2019 สถาบันวิจัยอิสระสัญชาตินอร์เวย์นาม “Rystad Energy” เคยคาดการณ์ว่าปริมาณความต้องการน้ำมันดิบในปี 2020 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันแต่ตอนนี้ Rystad Energy กลับลดตัวเลขการเติบโตลงเหลือ 820,000 บาร์เรลต่อวันเท่านั้นและในกรณีที่แย่ที่สุดความต้องการน้ำมันดิบอาจลดลงไปถึง 650,000 บาร์เรลต่อวัน การลดลงของตัวเลขปริมาณความต้องการน้ำมันดิบมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 450,000 - 280,000 บาร์เรลต่อวันซึ่งตัวเลขคาดการณ์นี้ของ Rystad Energy ใกล้เคียงกับรายงานของ BP

อ้างอิงข้อมูลจากหน่วยงานด้านพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) ที่พึ่งออกมาอัปเดตข้อมูลคาดการณ์การเติบโตของความต้องการน้ำมันดิบเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ว่า “ก่อนหน้านี้เรามองว่าไวรัสโคโรนาจะลดอัตราการเติบโตของความต้องการน้ำมันดิบลง 300,000 บาร์เรลในปี 2020 แต่ตอนนี้เรากลับคิดว่าปริมาณความต้องการน้ำมันดิบในโลกจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน” ซึ่งตัวเลขของ EIA นั้นออกมาสูงกว่า Rystad Energy และ BP

พฤติกรรมของราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตอบสนองต่อท่าทีของกลุ่มโอเปก

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมากลุ่มโอเปกได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนว่า “ผลกระทบจากไวรัสโคโรนานั้นน้อยกว่าที่พวกเราประเมินเอาไว้ โอเปกเชื่อว่าการเติบโตของความต้องการน้ำมันดิบจะลดลงเพียง 230,000 บาร์เรลต่อวันเท่านั้น”

ทันทีที่กลุ่มโอเปกออกมาแสดงความเชื่อมั่นราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นมาทันที่ 2% ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.5% ด้วยเช่นกันกราฟราคาน้ำมันดิบเบรนท์รายสัปดาห์

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) มีรายงานคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตของน้ำมันดิบออกมาเช่นเดียวกันเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ แม้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ $57 แต่ระยะยาวยังไม่มีใครทราบผลกระทบที่โคโรนาจะทำกับความต้องการน้ำมันดิบในตลาดได้

โดยสรุปแล้ว…

จุดประสงค์ของบทความนี้เพียงต้องการให้ข้อมูลแก่นักลงทุนเท่านั้น เราจึงไม่อยากให้นักลงทุนที่ได้อ่านบทความนี้เอาข้อมูลไปใช้วิเคราะห์อย่างจริงจังเพราะนี่เป็นเพียงข้อมูลคาดการณ์ที่ไม่ได้อ้างอิงมาจากตัวเลขผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นจริง แม้แต่ผู้บริหารขององค์กรอนามัยโลก (WHO) ยังบอกด้วยตัวเองเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า “ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจีนดูเหมือนว่าจะเริ่มนิ่งลงตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วแม้ว่าจะยังพบเจอผู้ติดเชื้อจากพื้นที่อื่นๆ อยู่ก็ตาม ดังนั้นผลของการแพร่ระบาดนี้ยังสามารถออกมาในทิศทางไหนก็ได้ทั้งนั้น”

แม้แต่องค์กรอนามัยโลกยังไม่กล้าที่จะฟันธงออกมาเป็นตัวเลขของสิ่งที่เกิดขึ้นในจีนจริงๆ แล้วองค์กรหรือสถาบันอื่นๆ ที่มีขนาดเล็กกว่านั้นอย่าง BP, Rystad, EIA, OPEC หรือ IEA จะมีข้อมูลที่ถูกต้อง 100% ได้อย่างไร

นักลงทุนควรเข้าใจว่าตัวเลขคาดการณ์ที่มีรายงานออกมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสายจากสำนักงานต่างๆ จะสร้างผลกระทบกับตลาดน้ำมันดิบในระยะสั้นเท่านั้นซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพยากรณ์ผลกระทบระยะยาวจากสถานการณ์ในปัจจุบันให้ถูกต้องแม่นยำได้ ข้อมูลจากกลุ่มหรือสถาบันเหล่านี้เป็นเพียง “การคาดการณ์ด้วยข้อมูลที่ดีที่สุดแต่ไม่ใช่การทำนายอนาคตที่ถูกต้องที่สุด”

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย