🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

ภาพรวมตลาดลงทุนสัปดาห์นี้: หมียังคงคุมตลาดตราบเท่าที่โลกไร้วิธีรักษาโควิด-19

เผยแพร่ 16/03/2563 13:00
IXIC
-

ภาพรวมตลาดลงทุนสัปดาห์นี้: หมียังคงคุมตลาดตราบเท่าที่โลกไร้วิธีรักษาโควิด-19

- ตลาดหุ้นยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง

- ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงต่อ

แม้ว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการ ราคาในตลาดจะสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 แต่เรายังคงเชื่อว่ากราฟจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงต่อไปตราบเท่าที่สถานการณ์ไวรัสโคโรนายังไม่คลี่คลาย

สาเหตุที่ดัชนีหลักของสหรัฐทั้ง 4 ตัวอย่างดาวโจนส์ S&P 500 NASDAQ และ Russell 2000 สามารถดีดกลับขึ้นมาเป็นเพราะตลาดขานรับข่าวดีที่นางแนนซี่ เปโลซี่สามารถทำให้นายสตีเว่น มนูชินรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เห็นด้วยที่จะทำให้ประชาชนชาวอเมริกันสามารถเข้ารับการตรวจสอบว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังจะมีการจ่ายเงินเยียวยาจำนวน $1000 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นค่าอุปโภคบริโภคและการรักษาพยาบาลที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ติดเชื้อซึ่งไอเดียนี้ก็ได้รับการอนุมัติแล้วจากสภาสหรัฐฯ แล้วในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ผ่านมา

สัปดาห์ที่แล้วหากจะเรียกว่าตลาดลงทุนขึ้นไปนั่งบนรถไฟเหาะที่ตีลังกาอย่างพาดโพนก็คงจะไม่ผิดนัก พวกเราได้ผ่านสัปดาห์แห่งการร่วงลงเป็นประวัติศาสตร์ของวงการลงทุนมาแล้วและวันศุกร์ก็ได้นั่งรถไฟเหาะขบวนนี้กลับขึ้นมาอีกครั้งและเป็นประวัติศาสตร์ของวงการเช่นเดียวกัน ในระหว่างที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างติดอยู่บนรถไฟเหาะสิ่งที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนคือสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่ลามไปแล้วทั่วทั้งโลกจนองค์การอนามัยโลกต้องออกมาประกาศยอมรับว่า “โควิด-19 ถือเป็นการระบาดใหญ่ (Pandemic)” ส่งผลให้ตลาดลงทุนร่วงลงและกลายเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดในการลงทุนนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008

นอกจากจะต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 และตลาดหุ้นแล้ว ดราม่าวงการน้ำมันก็ดุเดือดไม่แพ้กันจนทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง 30% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดเกือบจะในรอบ 3 ทศวรรษของวงการสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงานเลยทีเดียว

ธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ทยอยลดอัตราดอกเบี้ยกันเพื่อพยายามจะอุ้มเศรษฐกิจของตนเอาไว้ให้ได้ บางประเทศเริ่มมีมาตรการปิดล๊อคเมืองตามอิตาลีและสเปน บางประเทศสั่งงดไม่มีให้การเรียนการสอนและให้พนักงงานทำงานจากที่บ้านเพื่อที่จะลดการแพร่ระบาดของไวรัสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

Circuit Breakers ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดลงทุนสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่สามารถนำไปเล่าต่อให้กับคนรุ่นหลังอย่างเช่นที่เขาฟังมาจากพ่อของเขาเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008 ได้ เมื่อความวิตกกังวลที่มีต่อไวรัสโคโนาทำให้ตลาดหุ้นต้องหยุดทำการซื้อขายชั่วคราวถึง 2 ครั้งในสัปดาห์เดียวหรือที่ศัพท์ทางเทคนิคเรียกกันว่า “Circuit Breaker” ครั้งแรกเมื่อวันจันทร์และครั้งที่สองในวันพฤหัสบดีซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาเลยนับตั้งแต่ปี 1997 และทั้งสองวันนั้นดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 7%

แม้ว่าการทำ Circuit Breaker จะเป็นไปเพื่อหยุดการร่วงลงของตลาดเป็นการชั่วคราวแต่อันที่จริงนักลงทุนก็ทราบดีว่านี่ไม่สามารถหยุดแรงเทขายอันร้อนแรงของตลาดได้ ที่จริงแล้วกลายเป็นว่าการทำ Circuit Breaker กลายเป็นการเร่งให้ตลาดร่วงลงเร็วกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะนี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติและยิ่งมีแต่เพิ่มความกังวลให้เพิ่มขึ้นในบรรยากาศการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ

ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เองก็ต้องการผู้ที่จะมาหยุดความรุนแรงของการเทขายจนเกิดเป็นช่องว่างของราคา (gap) เช่นเดียวกันซึ่งในครั้งนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการอัดฉีดเงินจำนวนทั้งสิ้น $150,000 ล้านเหรียญสหรัฐเข้ามาเพื่อพยุงราคาเอาไว้และไม่ให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลงไปต่ำมากกว่านี้

หลังจากที่ตลาดทราบข่าวการช่วยเหลือของธนาคารกลางฯ นักลงทุนที่รออยู่แล้วต่างก็พร้อมใจกันเข้ามาช้อนตลาดลงทุน พวกเขาซื้อหุ้นตัวที่ต้องการอย่างบ้าคลั่งจนดัชนี S&P 500 สามารถดีดกลับขึ้นไปมากกว่า 9% ได้ในวันศุกร์ทั้งๆ ที่เมื่อวันพฤหัสบดีพึ่งปรับตัวลดลงมา 9.10% อยู่เลย สรุปแล้วทั้งสัปดาห์ดัชนี S&P 500 วิ่งอยู่ที่ -1.10%

ถึงเราจะได้เห็นมาตรการช่วยเหลือของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจหาญเข้ามาช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์เอาไว้แต่ต้องไม่ลืมว่าฝันร้ายยังคงอยู่ เพราะปัญหาในครั้งนี้ไม่ได้เกิดมาจากปัญหาทางการเงินแต่เริ่มมาจากโรคระบาดซึ่งคำถามเดิมๆ ก็ยังคงอยู่ การอัดฉีดเงินทำให้ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปไหม? หรือมีการชะลอตัวของการแพร่กระจายโรค? มนุษยชาติมียารักษาหรือวัคซีนแล้วหรือ? ซึ่งคำตอบก็ยังคงเป็นคำเดิมคือ...ไม่

ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ว่ารัฐบาลจะมีเจตนาดีที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ การโยนเเงินเข้าไปใส่ไวรัสโคโรนาก็ทำได้เพียงยืดเวลาออกไปเท่านั้นเพราะเรายังไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริงๆ มนุษย์โลกจะยังคงได้เห็นข่าวที่หดหู่ ห่อเหี่ยวหัวใจต่อไปอย่างเช่น ไลน์การผลิต ซัพพลายเชนไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตัวเลขผลกำไรลดลง การตกงานเพิ่มขึ้น การบริโภคที่ลดลง ข่าวเหล่านี้จะยังคงเป็นสิ่งที่เราเห็นไปจนกว่าจะได้ยินข่าวว่ามียารักษาไวรัสโคโรนาได้แล้วจริงๆ

กราฟดัชนี S&P 500 ตั้งแต่ปี 2015-2020

จากภาพและการวิเคราะห์ทางเทคนิคของดัชนี S&P 500 พบว่าราคาได้วิ่งกลับลงมาสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้ง นอกจากจะวิ่งกลับเข้ามาในกรอบแล้ว ราคายังสามารถทะลุเส้นเทรนไลน์ขาขึ้นสีแดงลงมาได้ด้วย ในตอนนี้เรากำลังดูว่าระยะยาวดัชนี S&P 500 จะสามารถลงไปได้มากแค่ไหน

ส่วนรูปของกราฟดัชนีดาวโจนส์นั้ชัดเจนว่าดัชนียังสามารถปรับตัวลดลงไปได้อีก

ดัชนีดาวโจนส์รายเดือน 2008-2020

การทะลุกรอบราคาขึ้นไปแล้ววกกลับเข้ามาในกรอบอีกรอบแสดงให้เห็นถึงส่วนที่เป็นข้างบนสุดของแนวโน้ม คำว่าส่วนที่เป็นข้างบนสุดหมายความว่าราคาไม่สามารถวิ่งขึ้นไปได้อีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้ทั้งอินดิเคเตอร์ MACD และ RSI ล้วนแล้วแต่ส่งสัญญาณของแนวโน้มขาลง

ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้เมื่อวันศุกร์ รวมแล้วราคาสามารถวิ่งขึ้นมาได้ 4 จาก 5 วันและยังมีสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ MACD และ RSI สนับสนุนในทิศทางขาขึ้น

กราฟราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีรายเดือนตั้งแต่ปี 2011-2020

แม้ว่ากราฟรายเดือนของพันธบัตรฯ อายุ 10 ปีจะเกิดรูปแบบแท่งเทียนยอดฮิตสำหรับการกลับตัวอย่างรูปแบบค้อน (Hammer) ขึ้นมาแต่นักลงทุนก็ต้องรอดูต่อไปว่าราคาจะสามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านสุดแกร่งที่ 1.4 ได้อีกครั้งหรือไม่

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ทะยานกลับขึ้นมา 1.3% เมื่อวันศุกร์ทำสถิติเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดของตัวดัชนีเองนับตั้งแต่ปี 2008 การปรับตัวขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้น 4 วันติดต่อกันซึ่งรวมแล้วดัชนีปรับตัวขึ้นทั้งสัปดาห์ 4.1%

กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ รายวัน

อินดิเคเตอร์ RSI ดีดตัวขึ้นจากโซน oversold แรงที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2018 อินดิเคเตอร์ MACD ก็ส่งสัญญาณพร้อมที่จะปรับตัวขึ้นเช่นกัน ถึงกระนั้นเรายังอยากจะขอเตือนว่าการวิ่งเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมปลายปากกว้างแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนมกราคมปี 2018 เช่นเดียวกัน

ราคาทองคำมีราคาปิดอยู่ต่ำกว่าเส้นเทรนไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมและ MACD กับ RSI ก็บ่งชี้ไปในทิศทางขาลงอีกด้วย

กราฟราคาทองคำรายวัน

แต่หากมองในอีกทิศทางหนึ่งก็สามารถคิดได้ว่าราคาทองคำในตอนนี้ได้ลงมาเจอกับแนวรับซึ่งเป็นจุดสูงสุดระหว่างเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนและยังมีเส้นค่าเฉลี่ย 200DMA เป็นไปได้หรือไม่ที่ทองคำจะยังสามารถรักษาชื่อเสียงของตนเองในฐานะ “สินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่ง” แล้วดีดตัวกลับขึ้นมาได้

ราคาทองคำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลง 8.7% และก็ยังมีโอกาสที่จะร่วงลงไปมากกว่านี้ สัปดาห์ที่แล้วเราเชื่อว่าที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงเพราะสัญญาที่ซื้อไว้ในตลาดราคาล่วงหน้าถึงเวลาที่ต้องปิดสัญญาและซื้อใหม่พอดี นักลงทุนจึงจำเป็นต้องดึงเงินที่ถือทองกลับก่อน

ราคาน้ำมันดิบดีดตัวกลับขึ้นมาจากการปรับตัวลดลง 1.4% ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ขึ้นมาก่อน 0.7% ขานรับข่าวดีที่ทรัมป์บอกกระทรวงพลังงานให้ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อน้ำมันปิโตรเลียมสำรองของอเมริกา

ราคาน้ำมันดิบรายวัน

ในทางเทคนิคแล้วตอนนี้ราคาน้ำมันดิบกำลังวิ่งอยู่ในกรอบธงขาขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลดลงมานับตั้งแต่ที่รัสเซียกับซะอุดิอาระเบียทะเลาะกัน 44% แม้จะมีรูปแบบการปรับตัวที่อาจจะทำให้เชื่อว่าราคาน้ำมันอาจจะสามารถปรับตัวขึ้นได้บ้าง แต่การหลุดลงจากแนวรับ $30 ยังเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ

ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ (เวลาทั้งหมดคิดเป็น EDT)

วันอาทิตย์

22:00 (ประเทศจีน) - รายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะลดลงจาก 6.9% เหลือ 1.5%

22:00 (ประเทศจีน) - รายงานยอดขายปลีก: คาดว่าตัวเลขแบบปีต่อปีของเดือนมกราคมจาก 8.0% จะเหลือ 0.8% ในเดือนกุมภาพันธ์

วันจันทร์

20:30 (ออสเตรเลีย) - รายงานการประชุมจากธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย (RBA)

วันอังคาร

05:30 (สหราชอาณาจักร) - รายงานจำนวนคนว่างงานที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจาก 5.5K เมื่อเดือนก่อนหน้าเป็น 21.4K

08:30 (สหรัฐฯ) - รายงานตัวเลขยอดขายปลีก: คาดว่าจะปรับตัวลดลงจาก 0.3% ในเดือนมกราคมเหลือ 0.2% ในเดือนกุมภาพันธ์

วันพุธ

06:00 (ยูโรโซน) - ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI): คาดว่าแบบปีต่อปีจะคงที่อยู่ที่ 1.2%

08:30 (สหรัฐฯ) - รายงานจำนวนการอนุญาตก่อสร้าง: คาดว่าจะลดลงจาก 1.550M เหลือ 1.505M

14:00 (สหรัฐฯ) - ผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ: คาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5% จาก 1.25%

14:30 (สหรัฐฯ) คำแถลงการณ์จากเฟด (FOMC)

วันพฤหัสบดี

04:30 (สวิสเซอร์แลนด์) - ผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์: คาดว่าธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมเพราะอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่ -0.75% ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในโลกแล้ว

08:30 (สหรัฐฯ) ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดเฟีย: คาดว่าจะลดลงจาก 36.7 เหลือ 10.0

วันศุกร์

08:39 (แคนาดา) - รายงานยอดขายปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก 0.5% ของเดือนธันวาคมเหลือ 0.2% ในเดือนมกราคม

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานยอดขายบ้านมือสอง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 5.46M เป็น 5.50M

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย