รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

กราฟเด่นประจำวันนี้: ถึงเวลาขาขึ้นของดาวโจนส์แล้วหรือยัง?

เผยแพร่ 26/03/2563 17:12
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ในช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมาพบว่าดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นมากกว่า 11.37% ซึ่งได้รับการบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์แล้วว่าเป็นการวิ่งขึ้นมากที่สุดของดัชนีนับตั้งแต่ปี 1933 เป็นการขานรับต่อข่าวดีที่มั่นใจว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน $200,000 ล้านเหรียญจะได้ออกมาช่วยเหลือประชาชนสหรัฐฯ และต่อกรกับไวรัส COVID-19 อย่างแน่นอน

ถึงกระนั้นนักลงทุนก็ยังคงเป็นกังวลเพราะก่อนหน้าการทะยานขึ้นครั้งนี้ดัชนีดาวโจนส์ก็ปรับตัวลงเป็นประวัติศาสตร์เหมือนกันโดยร่วงลงมากถึง 37% ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ จึงนำไปสู่การตั้งคำถามว่าขาขึ้นครั้งนี้คือสัญญาณบ่งบอกการสิ้นสุดของขาลงได้จริงแล้วหรือไม่?

เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลของขาลงครั้งนี้กับขาลงของดัชนีดาวโจนส์ในปี 1987 ก็ยิ่งทำให้นักลงทุน (ที่อยากจะช้อนซื้อแล้ว) ร้อนใจว่าขาขึ้นในตอนนี้อาจจะเป็นความหวังที่พวกเขารออยู่ซึ่งเรากลับไม่คิดอย่างนั้น สถานการณ์ในวันนี้กับวันนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวยืนยันอย่างเป็นทางการเลยว่ามียารักษาไวรัสโคโรนาได้จริงแม้จะมีข่าวประปรายออกมาก็ตามว่าพบยารักษาแล้ว ถึงกระนั้นก็ต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่งอยู่ดีกว่าจะรักษาได้หมดทั้งโลก

ยิ่งมาพิจารณากราฟด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะยิ่งเห็นเลยว่าขาขึ้นเพียง 1,000 จุดยังไม่สามารถขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญเลยสักนิดDow Jones Daily Chart

รูปแบบ Peaks & Troughs ของขาลงหลายครั้งประกอบร่างกันเป็นแนวโน้มขาลงและดัชนีดาวโจนส์ได้ถูกยืนยันให้อยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างเป็นทางการหลังจากที่ราคาสามารถทะลุจุดต่ำสุดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ 24,681.01 ลงมาได้สำเร็จ

แท่งเทียนขาขึ้นที่ปรากฎอยู่ระหว่างทางของขาลงในครั้งนี้คืออนุสรณ์สถานแห่งความหวังที่ถูกคลื่นแห่งความกลัวและหวาดวิตกกลืนกิน มีพอร์ตการลงทุนหลายพอร์ตที่ต้องล่มสลายไปจากความพยายามเหล่านั้น ดังนั้นเราจึงมองว่าขาขึ้นครั้งประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ปี 1933 ในครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากความพยายามครั้งก่อนหน้าเลย

แรงขาลงครั้งแรกเกิดขึ้นในจุดสูงสุดของดัชนีเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์วิ่งลงไปสร้างจุดต่ำสุดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ คิดเป็นการปรับตัวลดลงมาทั้งสิ้น 16.5% จากนั้นราคาจึงดีดกลับขึ้นมา 9.8% และจากจุดสูงสุดในวันที่ 4 มีนาคมลงมาจนถึง 23 มีนาคมพบว่าราคาปรับตัวร่วงลงมาทั้งสิ้น 32.8% การเปรียบเทียบขาลงทั้งสองครั้งนี้หมายความว่ายิ่งขาลงลงมาได้ยาวเท่าไหร่ ขาขึ้นซึ่งถือเป็นการย่อก็มีโอกาสวิ่งกลับขึ้นไปได้แรงเท่านั้น

ในขณะที่ฝั่งการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานให้ความเห็นสนับสนุนทางการเมืองว่างบประมาณจำนวน $200,000 ล้านเหรียญซึ่งถือเป็นการกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่มากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์จะต้องช่วยเศรษฐกิจได้แน่ ฝั่งวิเคราะห์ทางเทคนิคก็ขานรับด้วยการดีดตัวกลับขึ้นไปจากสุดสูงสุดของดัชนีในปี 2016

ข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายบอกอะไรแก่นักลงทุน? จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคเราจะเลือกเชื่อเฉพาะสิ่งที่ราคาบอกเท่านั้น ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเราอยู่ในตลาดแนวโน้มขาลง จนกว่าราคาจะสามารถสร้างรูปแบบ Peak & Trough ของขาขึ้นได้เป็นครั้ง นักลงทุนจะต้องพิจารณาว่ายังคงเป็นแนวโน้มขาลงและขาขึ้นเป็นเพียงการย่อเท่านั้นเอาไว้ก่อน

ในกราฟ 1 ชั่วโมงของดัชนีดาวโจนส์ยังคงมีความหวังเล็กๆ เมื่อกราฟกำลังอยู่ระหว่างการสร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ซึ่งยังคงต้องใช้เวลาดูว่าจะสามารถสร้างรูปแบบนี้ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ววิ่งขึ้นต่อไปได้หรือไม่

Dow Hourly Chart

กลยุทธ์การเทรด

เทรเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าขาขึ้นจะสามารถส่งสัญญาณของขาขึ้นออกมาแล้วตามด้วยการย่อของแนวโน้มขาลง

เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะวางคำสั่งขายเมื่อราคากลับเข้าสู่แนวโน้มขาลง

เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะลองเข้าซื้อกับความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนเทรนด์เป็นขาขึ้นในกราฟ 1 ชั่วโมง หรืออาจจะเลือกรอให้กราฟสร้างรูปบบ Peak & Trough ได้ 2 ครั้งก่อนซึ่งตอนนี้จุดสูงสุดล่าสุดได้ถูกนับเป็น Trough ที่ 1 แล้ว


ตัวอย่างการเทรด

- จุดเข้า: 20,500 (รายละเอียดอยู่ด้านล่าง)

- Stop-Loss: 20,000

- ความเสี่ยง: 500 จุด

- เป้าหมายในการทำกำไร:22,500

- ผลตอบแทน: 2,000 จุด

- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4

หมายเหตุ: จุดเข้าที่ 20,500 จะต้องรอให้ราคาย่อลงมาสร้างไหล่ขวาให้สมบูรณ์และกลาย Peak ของรูปแบบ Peak & Trough เสียก่อน

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย