ภาพรวมตลาดสัปดาห์นี้:คลื่นความผันผวนเกิดใหม่อีกครั้งเพราะสหรัฐฯ คือศูนย์กลางโควิด

เผยแพร่ 13/04/2563 12:59
US500
-
DJI
-
IXIC
-
  • ผลของการทำ QE จะเริ่มเห็นผลทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้แม้ตัวเลขคนตกงานยังสูงอยู่

  • สหรัฐอเมริกากลายเป็นศูนย์กลางการแพร่เชื้อโควิด-19 ของโลกอย่างเป็นทางการแล้ว

  • นักลงทุนไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไรกับรายงานตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสนี้

  •  

    นักลงทุนยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรดีแม้ช่วงเวลาแห่งการรายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2020 กำลังใกล้จะมาถึงแล้ว พวกเขาจินตนาการไม่ออกว่าโควิด-19 จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศและทั่วโลกได้มากขนาดไหน อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของดัชนีหลักๆ อย่างดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average S&P 500 NASDAQ และ Russell 2000 ก็ทำให้ระยะสั้นพอจะเบาใจไปได้บ้าง

     

    การผันผวนที่ไม่อาจตีกรอบให้กับตลาดได้

     

    แม้ว่าในสัปดาห์ที่แล้วทาง Investing.com ได้เขียนบทความเตือนเกี่ยวกับความผันผวนไปแล้วแต่เราก็ไม่คิดจริงๆ ว่าดัชนีหลักๆ จะสามารถผันผวนได้มากขนาดนี้

     

    ในสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวกลับมาจากความตายได้ ซึ่งต้องขอบคุณข่าวนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารสหรัฐฯ อีก $2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึงกระนั้นตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังคงสูงเป็นประวัติกาลอยู่ดีเพราะไวรัสโคโรนาจำเป็นต้องทำให้สหรัฐฯ สั่งปิดเมืองสำคัญๆ แม้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับการเริ่มควบคุมโรคได้บ้างในนิวยอร์กแต่ตัวเลขยอดจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นทุกวันในขณะที่เตียงผู้ป่วยในนิวยอร์กเริ่มมีไม่เพียงพอ...ภาพแห่งความวิตกกังวลจึงกลับมาอีกครั้ง

     

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้รับเกียรติ์ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการแพร่กระจายโรคระบาดโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยตัวเลขยืนยันผู้ติดเชื้อ (ในขณะที่กำลังเขียนบทความ) 529,951 คน เท่ากับว่าตอนนี้โลกมีผู้ติดเชื้อรวมแล้วทั้งสิ้น 1,777,666 คนและมียอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 108.867 คน

     

    คำถามสำคัญสำหรับตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ในวันนี้ก็คือว่า “วันจันทร์นี้เราจะยังได้เห็นตลาดขาขึ้นอยู่หรือไม่?” นิตยสาร Wall Street Journal ได้เขียนเอาไว้ว่า “ภาพรวมของตลาดลงทุนยังคงไม่ชัดเจน แม้เฟดจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก $2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแต่ถ้ามองอีกด้านนี่คือความกังวลระลอกใหม่กำลังก่อตัวขึ้น นอกจากนี้การกระตุ้นของเฟดอาจส่งผลระยะยาวตามมาอย่างเช่นปัญหาฟองสบู่”

     

    ขณะที่นักลงทุนกำลังโต้เถียงกันว่ามาตรการ QE ของเฟดจะสามารถชดเชยผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้หรือไม่ อีกทางหนึ่งตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ล่าสุดได้เพิ่มมาอีก 6.6 ล้านคนเท่ากับว่าตั้งแต่ 3 สัปดาห์ล่าสุดที่มียอดตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการฯ เพิ่มขึ้น ตอนนี้สหรัฐฯ มีผู้ยืนยันว่าตกงานแล้ว 16.8 ล้านคนคิดเป็น 1 ใน 10 ของคนผู้ใช้แรงงานในสหรัฐฯ ที่ตอนนี้กำลังไม่มีงานทำซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นใน 3 สัปดาห์เท่านั้น 

     

    ถึงสถานการณ์คนว่างงานจะดูเลวร้ายก็น่าประหลาดใจที่ดัชนี S&P 500 ยังสามารถดีดกลับขึ้นมาได้ในวันพฤหัสบดีและเป็นการปรับตัวขึ้น 3 จาก 4 วันล่าสุดคิดเป็นการปรับตัวขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ 12% ถือเป็นดัชนีหลักที่สร้างผลงานขาขึ้นต่อสัปดาห์ได้ดีที่สุดในรอบ 46 ปี เพิ่มเงินประมาณ $400,000 ล้านเหรียญเข้ามาในตลาดหลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้าพึ่งจะเสียเงินในตลาดไป $1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าดัชนี S&P 500 ในสัปดาห์นี้สามารถขึ้นต่อไปจนชดเชยเงิน $1 ล้านล้านเหรียญที่เสียไปได้คงจะเป็นเรื่องที่ทำให้นักลงทุนประัหลาดใจอยู่ไม่น้อย

    อันที่จริงแล้วในมุมมองของทาง Investing.com ยังคงเชื่อว่าตลาดยังอยู่ในแนวโน้มขาลงอยู่แต่ในสัปดาห์ที่แล้วตลาดก็ได้พิสูจน์ให้เราเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งว่าสิ่งที่เราคิดนั้นไม่ถูกต้อง แต่พฤติกรรมราคาในตลาดตอนนี้กับปัจจัยความเสี่ยงดูอย่างไรสำหรับเราก็ยังไม่สมเหตุสมผลกันอยู่ดี แม้เราจะพยายามมองให้เป็นตลาดขาขึ้นแล้วแต่เมื่อวันทีั่ 5 เมษายนที่ผ่านมาเราได้ลองวิเคราะห์กราฟใหม่แต่สิ่งที่พบก็คือเรายังคงมองว่านี่คือขาลง

     

    มีผู้อ่านบางคนเกิดความสับสนกับสิ่งที่เราวิเคราะห์เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่มองว่าขาขึ้นของดัชนี S&P 500 เสร็จสมบูรณ์แล้วและตลาดกำลังเตรียมที่จะลงต่อ แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดก็ทำให้วิเคราะห์ของเราต้องผิดพลาดไป ยิ่งไปกว่านั้นพฤติกรรมของราคานับตั้งแต่ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดยังไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทะลุกรอบราคาลงมาได้ มีแต่จะพยายามทะลุขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆ ยิ่งล่าสุดกราฟได้สร้างรูปแบบการกลับตัวแบบ V-bottom ที่เราได้วาดเป็นเส้นสีดำหนาเอาไว้

     


     

    แม้ว่าจะขัดกับความรู้สึกของเราแต่ต้องยอมรับว่านี่คือรูปแบบของกราฟขาขึ้นและกราฟได้เริ่มทำขาขึ้นนี้มาตั้งแต่วันอังคาร ถามว่าทำไมเราถึงไม่เชื่อสัญญาณขาขึ้นในตอนนี้ขนาดนี้? คำตอบคือจะให้เราทำใจเชื่อได้อย่างไรในเมื่อตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานยังคงสูงเป็นประวัติกาล 3 สัปดาห์ติด สหรัฐฯ กลายเป็นจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ของโลก แม้แต่ที่ที่เป็นศูนย์กลางตลาดลงทุนของโลกอย่างวอลล์สตรีทยังกลายเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดของโลกไปแล้วในตอนนี้ สิ่งที่เราพอจะทำได้คือพยายามสะกดจิตบอกตัวเองว่านี่คือสัญญาณขาขึ้น

     

    แท่งเทียนของวันพฤหัสบดีเกิดเป็นแท่งเทียนแท่งเล็กๆ เป็นไปได้ว่าอาจกลายเป็นรูปแบบดาวตก (shooting star) แม้ว่าบอดี้ของแท่งจะยังเป็นสีเขียวแต่ก็ถือว่าเป็นขาขึ้นที่อ่อนแรงและ gap ขาขึ้นก่อนหน้าส่งให้แท่งเทียนนี้ขึ้นเป็นไปรูปแบบ evening star ถ้ามีแท่งเทียนขาลงเกิดขึ้นต่อจะเป็นสร้างรูปแบบแท่งเทียนขาลงสามแท่งสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นทันที อย่างไรก็ตามกราฟก็ยังอยู่ในกรอบราคาขาขึ้นจะเป็นสัญญาณลงต่อหรือเป็นแค่การย่อของแนวโน้มขาขึ้น ในสัปดาห์นี้เราจะได้รู้กัน

     

    ขาขึ้นของดัชนีดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นคำถามสำหรับนักลงทุน

     




     

    ล่าสุดดัชนีดอลลาร์สหรัฐไม่สามารถขึ้นไปสร้างหรือขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดได้ ยิ่งไปกว่านั้นกราฟได้หลุดกรอบแนวโน้มขาขึ้นลงมา ยิ่งก่อนหลุดกรอบกราฟสร้างรูปแบบ evening star ด้วยซึ่งมักจะเป็นสัญญาณแท่งเทียนบ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของแนวโน้มก่อนหน้า

     

    กราฟราคาทองคำล่วงหน้าสร้างราคาปิดเหนือ $1,700 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2012

     


     

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราและนักวิเคราะห์แห่ง Sprott นายปีเตอร์ กรอสครอฟได้วิเคราะห์เอาไว้ว่าราคาทองคำอาจขึ้นถึงหรือยืนเหนือ $1700 ได้ เป็นไปได้ว่าเราอาจได้เห็นราคาทองคำที่ $2000 ภายในปีนี้

     

    ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้แม้ว่าจะมีข่าวออกมาว่าทางกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะร่วมกันลดกำลังการผลิตน้ำมันแล้ว

      

    ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของกลุ่มโอเปกเมื่อประเทศเม็กซิโกออกมายืนยันว่าจะไม่ลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่กลุ่มโอเปกขอ แต่จะไปขอให้สหรัฐฯ ช่วยลดการผลิตน้ำมันแทนซึ่งดูเหมือนว่าสหรัฐฯ ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้ แต่ซาอุดิอาระเบียเองที่กลับบอกว่าถ้าเม็กซิโกไม่ยอมลดกำลังการผลิตน้ำมันตามที่บอกก็ให้ถือว่าการประชุมครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นและตนจะยังเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันต่อไป

     

    ข่าวเศรษฐกิจที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ (เวลาทั้งหมดเทียบเป็น EDT)

     

    วันจันทร์

     

    ตลาดหลักทรัพย์ในสหราชอาณาจักร เยอรมัน อิตาลี สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ปิดเนื่องจากยังเป็นวันหยุดอีสเตอร์

     

    วันอังคาร 

     

    17:32 (ประเทศจีน) - รายงานบัญชีการค้า: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -7.09B ขึ้นเป็น 19.10B

     

    วันพุธ

     

    08:30 (สหรัฐฯ) - รายงานตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก -0.4% เหลือ -3.0% ในเดือนมีนาคม

     

    (สหรัฐฯ) - ตัวเลขยอดขายปลีก: คาดว่าจะลดลงจาก -0.5% เหลือ -7.0%

     

    10:00 (แคนาดา) - ผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแคนาดา (BoC): คาดว่าจะคงที่อยู่ที่ 0.25%

     

    10:30 (สหรัฐฯ) - รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะร่วงลงจาก 15.177M เหลือ 9.271M

     

    21:30 (ออสเตรเลีย) - อัตราการว่างงาน: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงจากมีคนทำงาน +26.7K ในเดือนกุมภาพันธ์กลายเป็นตกงานมากถึง -40.0K ในเดือนมีนาคม

     

    วันพฤหัสบดี

     

    04:00 (เยอรมัน) - ดัชนีวัดบรรยากาศทางธุรกิจโดย Ifo: ตัวเลขในครั้งก่อนอยู่ที่ 86.1

     

    08:30 (สหรัฐฯ) - รายงานการอนุญาตก่อสร้าง: คาดว่าจะลดลงจาก 1.452M เหลือ 1.300M

     

    08:30 (สหรัฐฯ) - รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน: เป็นตัวเลขที่คนจับตาดูมากที่สุดว่าตัวเลขที่ออกมาจะยังคงเดิมหรือไม่ 

     

    08:30 (สหรัฐฯ) -  ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดเฟีย: คาดว่าจะลดลงจาก -12.7 เป็น -30.0

     

    22:00 (ประเทศจีน) - รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าจะร่วงลงจาก 6.0% เป็น -6.0%

     

    22:00 (ประเทศจีน) - รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะขยายตัวจาก -13.5% เป็น -7.0% 

     

    วันศุกร์ 

     

    05:00 (ยูโรโซน) - ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI): คาดว่าแบบเดือนต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นจาก 0.2% เป็น 0.5% ในขณะที่แบบปีต่อปีจะคงที่อยู่ที่ 0.7%

     

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย