Earning Result
SCB (BK:SCB) รายงานกำไรสุทธิช่วง 1Q63 ที่ 9,251 ลบ. โต 1%YoY สวนทางกับที่เราและตลาดคาดจะหดตัว โดยหลักมีปัจจัยบวกจาก 1) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโตเด่น 20.4%YoY หนุนด้วยรายได้จากธุรกิจ Bancassurance โต 414%YoY ทั้งในส่วน Recurring ที่เป็น Access Fee ที่ FWD จ่ายเพื่อขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านสาขาของ SCB (เริ่มรับรู้รายได้ดังกล่าวตั้งแต่ช่วง 4Q62) และ มีรายได้จากส่วนแบ่งจากการขายเพิ่มเข้ามามากในไตรมาสนี้ตามยอดขายประกันชีวิตผ่านสาขา ที่เติบโตดีในเดือน ม.ค. และ ก.พ. กลบแรงกดดันจากรายได้ค่าธรรมเนียมในการให้สินเชื่อที่ลดลง 22%YoY หลังปรับใช้ TFRS9 2) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิโต 4.3%YoY โดยแม้พอร์ตสินเชื่อรวมจะหดตัว 1.1%YoY แต่ NIM ดีดตัวขึ้นเป็น 3.57% จากเพียง 3.19% ในปี ก่อนหลังได้อานิสงค์บวกจากทั้งการเปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้ของสินเชื่อที่เป็น Step-p rate เป็นวิธีEIR (เร่งรับรู้รายได้ดอกเบี้ยในช่วงปีแรกๆ มากขึ้น) และการรับรู้รายได้บางส่วนจากลูกหนี้ที่เป็น NPL บวกกับรับผลประโยชน์จากมาตรการลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ที่ลดลงจาก 0.46% เหลือ 0.23% ของฐานเงินฝากช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับบริษัท นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการที่ SCB มุ่ง ใช้กลยุทธ์ Selective Growth เลือกขยายสินเชื่อเฉพาะกลุ่มที่ให้ Yield สูงในช่วงที่ผ่านมา และ 3) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 8.1%YoY เนื่องจากไม่มีการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานเช่นปีก่อน, การใช้นโยบายควบคุมต้นทุนเข้มงวดมากขึ้น และไม่มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานของ SCBLIFE ทำให้ Cost to Income ratio ลดลงเหลือเพียง 43.% จาก 51.6% ในปีก่อน
อย่างไรก็ดีผลบวกดังกล่าวได้ถูกหักล้างลงจากการตั้งสำรองที่เร่งตัวขึ้น 79.5%YoY หลังปรับใช้การตั้งสำรองภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ อีกทั้งบริษัทมีมุมมองเชิงระมัดระวังและคาด ศก. มี โอกาสชะลอตัวลงมาก ทำให้ตัดสินใจตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) เพิ่มเข้ามาเพื่อรองรับการชะลอตัวของ ศก.
Our Take
กำไรช่วง 1Q63 ของ SCB คิดเป็น 31% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งถือว่าดีกว่าคาด แต่เรายังคงประมาณการเดิม เนื่องจากเราประเมินว่าผลดำเนินงานของ SCB จะเริ่มอ่อนตัวลงตั้งแต่ 2Q63 เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก Social Distancing ค่อนข้างมาก กระทบกับรายได้จากการขายประกันชีวิตให้ FWD ที่ต้องอาศัยการพบเจอกับลูกค้า ขณะที่ NIM คาดเริ่มขยับแคบลงจากผลของมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการลดดอกเบี้ยและการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในช่วงเวลา 6 เดือน และเริ่มมีสัดส่วนสินเชื่อโครงการ Soft Loan ที่ให้ Yield ต่ำเข้ามารวมในพอร์ตของบริษัท
แม้เรามองทิศทางของผลดำเนินงานอาจอ่อนตัวลงในช่วงที่เหลือของปี แต่เรามองราคาหุ้นของ SCB ยังซื้อขายในระดับ PBV ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก และมี Upside 11.5% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมที่ 80 บาท (วิธี GGM) พร้อมคาดให้ Div. Yield อีก 7% ทำให้เราคงแนะนำ “ซื้อ”
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities