Q20 รายงานขาดทุนสุทธิ 339 ลบ.
(BK:BA) รายงานผลประกอบการงวด 1Q20 ขาดทุนสุทธิ 339 ลบ. พลิกจากที่มีกำไร 504 ลบ. ใน 1Q19 และ 489 ลบ. ใน 4Q19 โดยได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ที่ทำให้มีการบันทึกผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เข้ามากว่า 730 ลบ. และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามา 113 ลบ. หากไม่รวมรายการดังกล่าว จะมีกำไรประมาณ 296 ลบ. จากการรับรู้รายได้เงินปันผลเข้ามา 310 ลบ. และ รายได้ภาษีเข้ามา 209 ลบ. ทั้งนี้รายได้ในงวด 1Q20 เริ่มเห็นผลกระทบจากโรค COVID แล้วตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.พ. เป็นต้นมา
โดยมีรายได้อยู่ที่ 5,627 ลบ. ( - 23%YoY, -0.1%QoQ) แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจการบินลดลง 25%YoY แต่เพิ่มขึ้น 2%QoQ โดยมีผู้โดยสาร 1.32 ล้านคน ( -23 %YoY และ - 9%QoQ ) อัตราบรรทุกผู้โดยสาร 62% จากระดับ 75 % ใน 1Q19 และ 69% ใน 4Q19 และมีรายได้จากเที่ยวบินเช่าเหมาลำลดลงถึง 66%YoY และ 37%QoQ หลังจากหยุดบินเส้นทางส มุย -จีนไป รายได้จากค่าระวางขนส่งลดลง 15%YoY,9%QoQ รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบินลดลง 15%YoY,12%QoQ และรายได้จากธุรกิจสนามบิน ลดลง 18%YoY (แต่เพิ่มขึ้น 34%QoQ จากจำนวนผู้โดยสารสนามบินสมุยเพิ่มขึ้น จากเทศกาลตรุษจีน )
ขณะที่มีรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับการให้บริการในสนามบิน เพิ่มขึ้น 6%YoY,4%QoQ เพราะมีลูกค้าเพิ่ม กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.4% ลดลงจาก 19.8% ใน 1Q19 แต่เพิ่มขึ้นจาก 3% ใน 4Q19 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ ที่ 851 ลบ. ( -17%YoY, -44%QoQ ) เนื่องจากมีมาตรการลดค่าใช้จ่ายรวมถึงลด จำนวนเที่ยวบินลงในช่วงดังกล่าว รวมแล้ว BA มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน จำนวน 212 ลบ. จากที่มีกำไร 422 ลบ.ใน 1Q19 แต่ขาดทุนลดลงจาก 1,349 ลบ. ใน 4Q1 9 ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลง 34 %YoY,30%QoQ มาอยู่ที่ 130 ลบ. สำหรับเงินปันผลรับจำนวน 310 ลบ. เป็นเงินปันผลจาก BDMS ที่โดยปกติจะ เข้ามาใช่วงไตรมาส 2 ของทุกป
หยุดบินเดือนเม.ย. ก่อนเริ่มกลับมาบินในประเทศกลาง พ.ค.
จากผลกระทบของ COVID ที่ทำให้การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก และทาง BA มีการปรับแผนใหม่โดยเส้นทางในประเทศหยุดบินบางเส้นทางตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. และหยุดบินทุกเส้นทางตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. โดยมีการกลับมาบินเส้นทางกรุงเทพ - สมุย วันที่ 15 พ.ค. และจะทยอยเพิ่มเที่ยวบินในประเทศช่วงเดือน มิ.ย. เป็นต้นไป แต่สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศคาดว่าจะกลับมาบินในเดือน ต.ค. นี้ โดย ในช่วงแรกจะใช้เครื่องบินแบบ ATR 72 -600 มาบิน โดยมีที่นั่งพร้อมให้บริการ เที่ยวบินละ 49 ที่นั่ง (70% ของกำลังการบรรทุกทั้งหมด)
ซึ่งเส้นทางกรุงเทพ -สมุย ที่เปิดไปมีผู้โดยสารในระดับ 90% ส่วนแผนในอนาคตจากการที่ประเทศแถบยุโรปและสหรัฐฯมีอัตราติดเชื้อที่สูง ทำให้การฟื้นตัวอาจจะล่าช้ากว่าเส้นทางในกลุ่มประเทศเอเชีย (ยอดจองล่วงหน้าถึง 1Q21 ลดลงไปกว่า 80%) ทาง BA จึงมีแผนจะมองหาความร่วมมือกับเส้นทางใน กลุ่มเอเชีย และเส้นทางในประเทศมากขึ้นแทน สำหรับความคืบหน้าโครงการลงทุนต่างๆ ในส่วนของโครงการโรงเรียนการบิน ได้รับใบอนุญาตแล้วคาดว่าจะเริ่มเปิดได้ในช่วงกลางปีนี้ ส่วนโครงการสนามบินอู่ ตะเภารอการอนุมัติจากทางครม.ถึงสัญญาหลักขั้นสุดท้ายในเดือน มิ.ย. อีกครั้ง
ปรับขาดทุนเพิ่ม ระยะสั้นชะลอการลงทุนไปก่อน
จากการหยุดบินในเดือนเม.ย.-กลางพ.ค. ทำให้เราปรับประมาณการใหม่โดยใช้ สมมติฐานผู้โดยสารจำนวน 2.3 ล้านคน (-60%YoY) และค่าโดยสารเฉลี่ยลง ประมาณ 5% ทำให้คาดรายได้ใหม่อยู่ที่ 10,341 ลบ. (-57%YoY) และขาดทุนอยู่ที่ 2,412 ลบ. (ไม่รวมผลจากอัตราแลกเปลี่ยนและขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์) สำหรับคำแนะนำการลงทุนระยะสั้นคาดว่าผลประกอบการจะยังขาดทุนต่อเนื่อง อีก 2 ไตรมาส (2Q-3Q) หลังจากไม่มีเส้นทางบินจากต่างประเทศเข้ามา แต่ระยะ ยาวเรามองว่า BA มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เป็นผู้ให้บริการที่ครบวงจรทั้งการบินและ สนามบิน เราจึงปรับคำแนะนำจาก “ทยอยสะสม” เป็น “ถือ” ไปก่อนจนกว่าจะ เห็นการฟื้นตัวของธุรกิจการบิน และเราประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ที่ 6.8 บาท (0.7XPBV’20E)
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th
กระทู้พูดคุยหุ้นการบินกรุงเทพ
https://th.investing.com/equities/bangkok-airways-co-ltd-commentary