Earnings Results
► (BK:MINT)รายงานขาดทุนสุทธิใน 1Q63 ที่1.8 พันล้านบาท แต่หากตัดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน การปรับมูลค่ายุติธรรมของอนุพันธ์และรายการที่เกิดพึ่งเพียงครั้งเดียวอื่นๆ MINT ขาดทุนปกติที่ 3.2 พันล้านบาท อ่อนแอลงจาก 4Q62 ที่มีกำไรปกติ 2.9 พันล้านบาท และ 1Q63 ที่มีกำไรปกติ633 ล้านบาท และต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ -705 ล้านบาท
► ผลประกอบการที่อ่อนแอมาจาก COVID-19 ใน 1Q63 กระทบต่อธุรกิจโรงแรมที่การกระจายตัวอยู่ทั่วโลก และ Minor Food ถูกผลกระทบต้องปิดร้านค้าโดยเฉพาะในจีน
► รายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 14.7 หมื่นล้านบาท (-32.4% QoQ, -24.3%YoY) เนื่องจากกลุ่มโรงแรมในส่วนที่เป็นเจ้าของรวม NH Hotel มีสัดส่วนที่เป็นรายได้คิดเป็น 85% ของรายได้จากการดำเนินงานธุรกิจโรมแรมและอื่นๆ โดนผลกระทบโดยหนักหลังโรคระบาด COVID-19 กระทบการ เดินทางทั่วโลกในเดือน มี.ค. โดยเฉพาะทวีปยุโรป RevPar (System-wide) อยู่ที่1,967 บาท (- 26%YoY) หดตัว แม้ค่าเฉลี่ยห้องพัก (ADR) ลดลงเล็กน้อย 0.9%YoY แต่อัตราการเข้าพัก (Occu. Rate) ลดลงแรงที่49% เมื่อเทียบกับ 66% ใน 1Q62
► รายได้จากธุรกิจอาหารใน 1Q63 อยู่ที่5.4 พันล้านบาท (-6.5%QoQ, -8.7%YoY) โดยยอดขาย โดยรวมทุกสาขา (TSSG) ลดลง 5.8%YoY และ SSSG ลดลง 9.5%YoY เนื่องจากรัฐในหลายประเทศมีประกาศบังคับใช้มาตรการให้ปิดร้านอาหารชั่วคราวเพื่อควบคุมโรคระบาด ทำให้ยอดขายจากกานั่งรับประทานในร้านลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญใน 1Q63
► อัตรากำไรขั้นต้นรวมอยู่ที่ 33.4% อ่อนแอลง -1251bps QoQ และ -1044bps YoY อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 17.9% (-2140bps QoQ, -1630bps YoY) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารปรับลดลงน้อยกว่ากลุ่มโรงแรมที่ 68.8% (-180bps QoQ, -180bps YoY)
► ณ สิ้น 1Q63 MINT มีอัตราส่วน Interest bearing debt to equity ที่ 1.6x ยังต่ำกว่า Covenant ที่ 1.75x โดยบริษัทมีเงินสดจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือน เม.ย. 63 วงเงินสินเชื่อจำนวน 2.7 หมื่นล้านบาทและวงเงินสินเชื่อของ NH hotel group อีกราว 250 ล้านยูโร ส่งผลให้ MINT มีสภาพคล่องที่เพียงพอในระยะสั้น อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ลากยาวต่อเนื่องจะยิ่งกดดันฐานะการเงิน ให้ตึงตัวยิ่งขึ้นเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม
► MINTจะมีประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 19 พ.ค. 2563
Our Take
► ปัจจุบันเรายังไม่มีคำแนะนำสำหรับหุ้น MINT
► อย่างไรก็ดีในระยะสั้น เราคาดหุ้นยังมีแรงกดดันจาก
1) 2Q63 คาดขาดทุนหนักขึ้น หลังการระบาดส่งผลให้โรงแรมในยุโรปและในประเทศอื่นๆต้องปิดให้บริการเกือบทั้งไตรมาส ขณะที่ธุรกิจอาหารคาดเริ่มฟื้นตัวจากจีนกลับมาเปิดประเทศ แต่ในไทยยังได้รับผลกระทบอย่างน้อยครึ่งไตร มาส และ
2) Bloomberg Consensus คาดผลประกอบการปี 2563 ขาดทุนปกติที่ 2.1 พันล้านบาท เราเชื่อว่ามีโอกาสปรับลงอีกไปสู่ระดับ -5 พันล้านบาท ถึง -8 พันล้านบาท โดยเฉพาะเดือน เม.ย. และ พ.ค. อย่างไรก็ดีผลประกอบการมีโอกาสผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q63 และ
3) ผลประกอบการที่อ่อนแอ กดดันต่อฐานะการเงินให้ตึงตัวยิ่งขึ้น เพิ่มความกลัวของตลาดต่อโอกาสเพิ่มทุนที่อาจจะเกิดขึ้น
► จุดเปลี่ยนที่สำคัญของ MINT อยู่ที่การค้นพบวัคซีนรักษาช่วง 2H63 ถึงต้นปี 2564 ที่จะหนุนให้รายได้กลับสู่ระดับปกติอีกครั้ง ขณะที่ในระยะสั้น เราประเมินว่าจุดสำคัญอยู่ที่การลดต้นทุนให้ได้มากขึ้นและดึงกระแสเงินสดจากธุรกิจอาหารกลับมาประคองผลประกอบการให้ได้
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities