สิ่งที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์กับผู้บริหาร
1. ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของบริษัท มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 421 MW เป็นโครงการที่ได้ COD แล้วจำนวน 212 MW และโครงการที่รอจะ COD ในปี 20-22 จำนวน 209 MW โดยแบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวล 291 MW, โรงไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ 114 MW, โรงไฟฟ้าขยะชุมชน และ โรงไฟฟ้าพลังงาน แสงอาทิตย์ จำนวน 5 MW โดยคาดว่า กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าแต่ละโครงการยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก (+35.3% ใน 1Q20) ผ่านเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น
2. ภายใน 12 เดือนข้างหน้ามีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 โครงการ ได้แก่ Solar Rooftop ขนาด 0.83 MW เริ่ม COD ไปแล้วใน 2Q20, โรงไฟฟ้าขยะชุมชนขนาด 5MW ที่กระบี่ คาดจะ COD ภายใน 1Q21 และโรงไฟฟ้า Waste Landfill จะ COD ใน 3Q20
3. จากสถานการณ์โควิด-19 ธนาคารมีการอัตราลดดอกเบี้ยกู้ยืมลง ส่งผลให้ ต้นทุนทางการเงินต่ำลงราว 100bps จากต้นปีมาอยู่ที่ประมาณ 2.75%
รีวิวผลประกอบการ 1Q20
บริษัทรายงานผลกำไร 1Q20 ที่ 594 ล้านบาท (+348% YoY, +142% QoQ) หากหักรายการพิเศษออก บริษัทจะมีกำไรสุทธิจากธุรกิจหลักที่ 260 ล้านบาท (+ 61% YoY, 5% QoQ) กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY เป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับการลดลงของต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เป็นผลจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจาก อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง
ความเห็นนักวิเคราะห์
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 41.56X trailing PE ซึ่งอยู่ในระดับ +1SD เมื่อ เทียบกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้ามาในตลาดหุ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว เราจึงมองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนต่อโครงการโรงไฟฟ้าที่จะCOD ภายใน 2 ปีข้างหน้าไปแล้วบางส่วน เราจึงแนะนำให้ติดตามโครงการใหม่ๆที่จะมีใน อนาคตแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้น และ การเริ่ม COD โครงการต่างๆ โดยมีนักวิเคราะห์ 2 จาก 3 รายให้คำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 4.23 บาท
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th
ไม่อยากพลาดบทวิเคราะห์หุ้นเด็ดรายวัน อย่าลืมกด "ติดตาม" นะครับ