รีวิว(ละเอียด) หุ้นBiogen หนึ่งในผู้ร่วมทำวัคซีน COVID-19
| หุ้นต้ารีวิวให้
Biogen เป็นหนึ่งในหุ้นบริษัทยาที่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องการคิดค้นยารักษาโรค COVID-19
ในขณะที่เกิด COVID-19 นี้ Biogen ได้มีการสร้างและแบ่ง COVID-19 biobank กับทาง MIT, Harvard และพาร์ทเนอร์อื่นๆ Biobank เป็นที่เก็บรวบรวมเชื้อโควิดเพื่อศึกษาและหาทางคิดค้นวิธีการรักษาต่อไป
นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับ Vir Biotechnology หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน Biotech ของอเมริกาเพื่อทำการคิดค้นและผลิต antibodies เพื่อฆ่าเชื้อ SARS-CoV-2 ซึ่งคิดว่าเป็นต้นตอของ COVID-19
ที่ผ่านมา Biogen ได้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อสนับสนุนหน่วยงานต่างๆทั่วโลกเพื่อต่อกรกับ COVID-19นี้เป็นจำนวนเงินประมาณ 300 ล้านบาท
โชคร้ายอยู่เหมือนกันที่ในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมามีรายงานว่าผู้บริหารของบริษัทมีเชื้อ COVID-19 ขณะที่จับมือพนักงานบริษัทจำนวนมากในงาน annual meeting ทำให้มีผู้ติดเชื้อในบริษัท
……………………………………………………………………….
กลับมาเจาะกันที่ตัวธุรกิจของบริษัท
Biogen เป็นหนึ่งในบริษัท Biotech ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งเมื่อปี 1978 โดยกลุ่มนักวิทยาศาตร์ และ venture capital ที่กรุงเจนีวาประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และในปี 1980 Walter Gilber, PhD หนึ่งในผู้ก่อตั้งได้รับรางวัลโนเบลเรื่อง DNA sequencing
ต่อมาบริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นอเมริกา Nasdaq: BIIB เมื่อปี1983 เกือบ40ปีแล้ว
Biogen เป็นบริษัทยาที่เชี่ยวชาญด้านโรคทางระบบประสาทต้นๆของโลก โดยเป็นผู้นำเรื่องการรักษาโรคปลอกประสาทอักเสบ และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง นอกจากนั้นยังกำลังพัฒนายาเพื่อการรักษาโรค Alzheimer และ Parkinson's
โดยตลาดยาที่ Biogen อยู่นั้นเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับประสาทซึ่งเป็นโรคหลักเลยที่ทำให้เกิดความพิการ และเป็นสาเหตุของการตายอันดับสองของโลก จึงยังมีโอกาสพอสมควรเลยสำหรับ Biogen
รายได้และกำไรย้อนหลัง
ปี 2019 - $14,378 ล้าน กำไร $5,889 ล้าน
ปี 2018 - $13,453 ล้าน กำไร $4,431 ล้าน
ปี 2017 - $12,274 ล้าน กำไร $2,539 ล้าน
Biogen ขายยาประมาณ 60% ที่อเมริกา และที่เหลือกระจายทั่วโลก แต่แนวโน้มปีหลังๆ ยอดขายมีการกระจายไปทั่วโลกมากขึ้น
ธุรกิจของ Biogen สามารถแบ่งได้ตามประเภทของยาเป็น 2 ประเภทหลัก
1. ประเภทยาแรก Multiple Sclerosis (MS) หรือ
ซึ่งเป็นโรคระบบประสาทที่ส่งผลให้เกิดความผิดปกติด้านการมองเห็น การเคลื่อนไหวร่างกายและการรับความรู้สึกต่างๆ
ในส่วนนี้ หุ้นต้าคิดว่ามีความยากของเจ้าใหม่ที่จะมาทำ biosimilar มาแข่งแม้ว่าในอนาคตอายุสิทธิบัตรจะหมดไป เพราะ MS ส่วนมากเป็นยาที่ทำจากโปรตีนซึ่งโครงสร้างสลับซับซ้อนมาก ต้องผ่านขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อนตั้งแต่การตัดแต่งพันธุกรรม, รักษาสภาวะแวดล้อมที่ละเอียดอ่อน เยอะแยะเลย นอกจากคู่แข่งใหม่เข้ามาไม่ง่ายแล้ว ตัวยายังไม่ได้แข่งกันเรื่องราคามากนัก
โดยยาประเภทนี้ ที่ทำรายได้หลักให้กับ Biogen มีสามตัวคือ
TECFIDERA – ประมาณ 40% ของรายได้รวมบริษัท มากสุดละ โดยถือเป็นตัวยาที่มีความน่าเชื่อถือเรื่องความปลอดภัยสูง
TYSABRI – ประมาณ 17% ของรายได้รวมบริษัท มีความพิเศษคือ ไม่ค่อยมีใครอยากทำ biosimilar มาแข่งด้วยเนื่องจาก มีความเสี่ยงเรื่องผลข้างเคียงจากตัวยาสูง
AVONEX - ประมาณ 15% ของรายได้รวมบริษัท เคยมีบริษัทอยากทำ biosimilar มาแข่งอยู่แต่ตกไปเพราะประสิทธิภาพสู้ไม่ได้ ตัวยานี้ ถือเป็นผู้นำในตลาดเลยเนื่องจากมี safety record ที่ยาวนานมาก และความถี่น้อยในการกินเทียบกับยาคู่แข่ง
2. ประเภทยาที่สอง Spinal Muscular Atrophy (SMA) หรือยารักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
SPINRAZA - ประมาณ 16% ของรายได้รวมบริษัท โดยตัวนี้อาจจะกำลังโดนการรักษาแบบ gene therapy แย่งตลาด นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งที่ทำยาในประเภท SMA เยอะอยู่เช่น Roche บริษัทใหญ่ในอเมริกา
นอกจากยา2 ประเภทนี้แล้ว Biogen ยังมีการทำตัวยาอื่นๆด้วยแต่คิดเป็นสัดส่วนรายได้น้อยมากในแต่ละตัวจึงขอไม่พูดถึง เนื่องจากตัวยา4 ตัวข้างบนคิดเป็น 90% ของรายได้รวมโดยประมาณแล้ว
มาดูความสามารถในการแข่งขันของบริษัท ขึ้นอยู่กับการพัฒนายาตลอดเวลาให้ดีขึ้น และการจดลิขสิทธิ์ยาตัวใหม่ๆ ซึ่งเป็นความเสี่ยงพอควร แต่ในอีกมุมหนึ่งถ้ายาตัวไหนได้จดลิขสิทธิ์ก็ถือว่ากันคู่แข่งไปได้เลยเป็นเวลาพอสมควรประมาณ 20 ปีตามกฎ U.S. patent
ในอุตสาหกรรมยานั้น first mover ถือเป็นความได้เปรียบที่สำคัญเรื่องจากต้องใช้เวลาสร้างความน่าเชื่อถือของยา จึงทำให้ทุกอย่างต้องรีบ ตลอด ต้องคิดค้นให้เร็ว ให้มีประสิทธิภาพ ผ่านการ approve ให้ไว
นอกจากนั้นบริษัทประเภทนี้ต้องการนักวิทยาศาตร์เก่งๆมาร่วมงานด้วย คน จึงสำคัญมากๆ บริษัทไม่ได้มีอำนาจต่อรองค่าจ้างมากนัก
อ้อ ลืมบอก ยาของ Biogen นั้นส่วนมากสามารถส่งถึงบ้านได้ ดังนั้นอาจไม่โดนผลกระทบจากโควิดมากนัก
………………………………………………………………………
ในส่วนของการเติบโตนั้น รายได้โดยรวมมีการเติบโตย้อนหลัง 4-6% ต่อปีโดยโตทุกปีมาเป็น 10 ปีแล้ว โดยถ้าแบ่งตามยาเลยจะได้ว่า
1. TECFIDERA – โดยรวมโตอยู่แต่ไม่มาก เพราะตลาด US ทรงๆแม้ขายได้เยอะขึ้นนอก US โดยเฉพาะยุโรปกับญี่ปุ่น
2. TYSABRI - รายได้แกว่งๆ แต่ปีล่าสุดโตขึ้นนิดนึง เนื่องจากในตลาด US ขายได้น้อยลงเนื่องจากมีคู่แข่งใหม่ OCREVUS แต่ตลาดต่างประเทศโตดีอยู่
3. AVONEX – รายได้ลดลงมาสามปีแล้วเนื่องจากคู่แข่งเพิ่ม และมีการใช้กลยุทธ์ลดราคาโดยเฉพาะในยุโรป
4. SPINRAZA – รายได้โตดีสุดละแต่ให้ระวังว่ามันเป็นยาที่ต้องกินถี่ช่วงแรก หลังๆกินถี่น้อยลงดังนั้นถ้าลูกค้าใหม่ไม่มี รายได้อาจโตน้อยลงได้
อ่านบทความนี้ต่อที่นี่
https://www.facebook.com/hoontaman/posts/131773228515581?__tn__=K-R
บทความนี้มาจาก เพจ “หุ้นตาแมน” เพื่อเปิดโลกการลงทุนทั่วโลกกก