🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

ทวิตเตอร์ VS ทรัมป์สร้างผลกระทบอย่างไรกับวงการสื่อโซเชียลมีเดีย

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 04/06/2563 12:04
TWTR
-

นักลงทุนมีความกังวลกับอนาคตของสื่อโซเชียลแพลตฟอร์มชื่อดังทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) เมื่อทวิตเตอร์ตัดสินใจบล็อกข้อความของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่มีการแสดงออกรุนแรงกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเหตุการณ์ประท้วงในสหรัฐอเมริกา เป็นไปได้ไหมว่าการไม่อ่อนข้อครั้งนี้ของนกสีฟ้าจะนำไปสู่ปัญหาทางการเงินของบริษัทในอนาคต?

สัปดาห์ที่แล้วทวิตเตอร์ได้มีการบล็อกข้อความที่มีการแนบลิงก์เว็บไซต์จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทางบริษัทมองว่า “มีการกล่าวถึงโดยไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลความจริง (Fact Check)” เช่นการฉ่อโกงบัตรลงคะแนนเสียงในรัฐแคลิฟอร์เนียและการล็อกผลการเลือกตั้ง ทวิตเตอร์ให้เหตุผลว่า “ระบบตรวจสอบความจริง (Fact Checker) ระบุว่าไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการฉ่อโกงบัตรเลือกตั้งตามที่ทรัมป์กล่าวหาแต่อย่างใด”

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทวิตเตอร์จำเป็นที่ต้องบล็อกข้อความของทรัมป์อีกครั้งเมื่อเขาทวิตข้อความแสดงออกเกี่ยวกับการประท้วงที่เกิดขึ้นในมินนีแอโพลิสซึ่งมีโอกาสนำไปสู่ความรุนแรง การดำเนินการเหล่านี้ของทวิตเตอร์สร้างความไม่พอใจให้กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นอย่างมาก เขามองว่าทวิตเตอร์กำลังคุมคามเสรีภาพในการแสดงออกพื้นฐาน (ของเขา) ซึ่งถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงที่สุดสำหรับสื่อโซเชียลมีเดีย ล่าสุดทรัมป์มีคำสั่งว่าจะเปลี่ยนข้อกำหนดในกฏหมายมาตรา 230 ว่าด้วยเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของสื่อโซเชียลมีเดีย หากได้รับการอนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงจริงจะส่งผลกระทบต่อทวิตเตอร์และสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ ด้วย

กำไรที่ได้มาจากการโฆษณาอาจจะได้รับผลกระทบ

แม้ว่าผู้เชียวชาญด้านกฏหมายหลายคนเชื่อว่าข้อเสนอเปลี่ยนกฏหมายมาตรานี้ของทรัมป์ไม่มีทางผ่านการอนุมัติจากสภาสูงได้แต่บริษัทสื่อโซเชียลมีเดียยักษ์อาจมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อกำหนดที่อาจจะมีการนิยามความหมายของคำว่า “การให้ข้อมูลผิดพลาด (misinformation)” และ “ข้อความที่สร้างให้เกิดการเกลียดชัง (hate speech)” ใหม่

รายงานจากสื่อ Wall Street Journal ระบุว่า “การถกเถียงกันระหว่างสื่อโซเชียลมีเดียและประธานาธิบดีจะไม่สร้างผลกระทบในระยะยาวกับทวิตเตอร์มากนัก แต่หากมีข้อกำหนดใหม่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการนิยามในเรื่องของการใช้คำพูดเพื่อจุดประสงค์รูปแบบต่างๆ ใหม่ สิ่งนั้นต่างหากที่จะสร้างผลกระทบให้กับหุ้นบริษัทและการตรวจสอบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานบนโซเชียลแพลตฟอร์ม”

ความกังวลเหล่านี้คือเหตุผลอธิบายว่าทำไมหุ้นทวิตเตอร์ถึงปรับตัวลดลง 6% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดหุ้นทวิตเตอร์มีราคาปิดอยู่ที่ $34.88 สร้างขึ้นตลอดทั้งปี 2020 เกือบ 3% 

TWTR Weekly 2017-2020

ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าทวิตเตอร์จำเป็นจะต้องเปลี่ยนเงื่อนไขข้อกำหนดการใช้งานตามกฏหมายใหม่ บริษัทจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบและนั่นหมายถึงเงื่อนไขในการฝากวางโฆษณาบนทวิตเตอร์ก็ต้องเปลี่ยนไปในช่วงที่บริษัทผู้ฝากโฆษณาเหล่านั้นกำลังเดือดร้อนจากผลกระทบวิกฤตโควิด-19

ในขณะการถกเถียงกันในประเด็นนี้กำลังเกิดขึ้น CEO ทวิตเตอร์นายแจ๊ค ดอร์ซีย์และบริษัท Elliott Management Corp ผู้ถือหุ้นใหญ่ของทวิตเตอร์ก็กลายมาเป็นที่จับตามองของสาธารณชนอีกครั้งเพราะเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีข่าวว่านายทุนเจ้าของ Elliott Management Corp วางแผนที่จะปลด CEO คนปัจจุบันของทวิตเตอร์ลงจากตำแหน่งก่อนที่จะสามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ในช่วงเดือนมีนาคม สำนักข่าวบลูมเบิร์กแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ทุกวันนี้การโฆษณษาดิจิทัลอยู่ได้จากการตั้งเป้ายอดผู้ใช้งานในแต่ละวันของบริษัทที่ส่งผลถึงการเร่งอัตราการเติบโตทางผลกำไรและมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่มากขึ้น”

ยอดกำไรสุทธิรายไตรมาสของบริษัททวิตเตอร์ในการรายงานตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 1 เมื่อวันที่ 30 เมษายนพบว่าเพิ่มขึ้น 3% ซึ่งถือเป็นการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี สาเหตุเพราะบริษัทผู้ฝากโฆษณาได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากนับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมมาจนถึงวันสิ้นสุดไตรมาสพบว่ายอดทำกำไรของทวิตเตอร์ร่วงลง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเช่นเดียวกันกับตัวเลขในเดือนเมษายน


โดยสรุปแล้ว

ตอนนี้ปัญหาที่ทวิตเตอร์ต้องเจอไม่ใช่เฉพาะผลกระทบที่มาจากการกล่าวหาของทรัมป์เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของกำไรในแต่ละไตรมาสที่ลดลงเพราะบริษัทผู้ฝากโฆษณาประสบปัญหาจากวิกฤตโควิดและทวิตเตอร์ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในกฏหมายความคุมสิทธิเสรีภาพสื่อโซเชียลมีเดียอีกด้วย

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย