สัปดาห์ที่แล้วสื่อโซเชียลมีเดียชื่อดังทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) ปฏิบัติตัวไม่ถูกใจประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อทวิตเตอร์ได้มีการบล็อกข้อความที่มีการแนบลิงก์เว็บไซต์จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทางบริษัทมองว่า “มีการกล่าวถึงโดยไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลความจริง (Fact Check)” เช่นการฉ่อโกงบัตรลงคะแนนเสียงในรัฐแคลิฟอร์เนียและการล็อกผลการเลือกตั้ง ทวิตเตอร์ให้เหตุผลว่า “ระบบตรวจสอบความจริง (Fact Checker) ระบุว่าไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการฉ่อโกงบัตรเลือกตั้งตามที่ทรัมป์กล่าวหาแต่อย่างใด”
วันนี้ต่อมาทวิตเตอร์ลองงัดข้อกับโดนัลด์ ทรัมป์อีกครั้งเมื่อนกสีฟ้าบล็อกข้อความของทรัมป์อีกครั้งเพราะเขาทวิตข้อความแสดงออกเกี่ยวกับการประท้วงที่เกิดขึ้นในมินนีแอโพลิสจากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ซึ่งมีโอกาสนำไปสู่ความรุนแรง การดำเนินการ 2 ครั้งติดของทวิตเตอร์ทำให้ทรัมป์โมโหเป็นอย่างมากจนถึงขั้นมีคำสั่งให้เปลี่ยนข้อกำหนดในกฏหมายมาตรา 230 ว่าด้วยเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของสื่อโซเชียลมีเดีย
แม้คนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าข้อเสนอเปลี่ยนกฏหมายมาตรานี้ของทรัมป์ไม่มีทางผ่านการอนุมัติจากสภาคอนเกรสได้แต่ทวิตเตอร์ก็มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อกำหนดใหม่ที่อาจจะส่งผลถึงการจัดการและข้อกำหนดเกี่ยวกับการทวีตต่อไปในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนกฏหมายนี้อาจทำให้บริษัทที่ฝากโฆษณาอยู่บนทวิตเตอร์ตัดสินใจพิจารณาเงื่อนไขการฝากโฆษณากับทวิตเตอร์ใหม่เพราะทุกวันนี้พวกเขาก็ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19 อยู่แล้ว
ยอดกำไรสุทธิรายไตรมาสของบริษัททวิตเตอร์ในการรายงานตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 1 เมื่อวันที่ 30 เมษายนพบว่าเพิ่มขึ้น 3% ซึ่งถือเป็นการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี สาเหตุเพราะบริษัทผู้ฝากโฆษณาได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากนับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมมาจนถึงวันสิ้นสุดไตรมาสพบว่ายอดทำกำไรของทวิตเตอร์ร่วงลง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเช่นเดียวกันกับตัวเลขในเดือนเมษายน
จึงนำมาสู่คำถามในแง่ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคว่าถึงเวลาที่จะเทขายหุ้นทวิตเตอร์ได้หรือยัง? ส่วนตัวเรามองว่ายังไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น เพราะอะไร? ลองพิจารณาที่กราฟแล้วคุณอาจจะได้รับมุมมองการวิเคราะห์ใหม่ๆ
จากรูปจะเห็นได้ว่าเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้เองหุ้นทวิตเตอร์พึ่งทะยานขึ้นไป 8.1% ทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA ขึ้นไปได้ นี่เป็นการเคลื่อนไหวของหุ้นทวิตเตอร์ที่แรงที่สุดนับตั้งแต่ขาขึ้นหนีตายในวันที่ 19 มีนาคมและถ้ามองในแง่ของเปอร์เซนต์และจากดอลลาร์ถึงดอลลาร์ยังพบว่าแท่งเทียนเมื่อวันพุธคือการปรับตัวขึ้นมาสูงที่สุดด้วย คำถามต่อมาก็คือแล้วทำไมราคาเลือกที่จะหยุดวิ่งบริเวณนี้? ราคาสุ่มหยุดวิ่งเองหรือไม่
คำตอบคือ...ไม่ ราคาไม่ได้อยู่ๆ ก็อยากหยุดวิ่งเองแต่ที่นักลงทุนเลือกถอยออกมาดูสถานการณ์ก่อนเพราะว่าหุ้นทวิตเตอร์ได้ขึ้นมาเกือบถึงกรอบราคาขาขึ้นด้านบนที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมและที่สำคัญบริเวณนี้ยังเป็นจุดตัดของกรอบราคาขาลงใหญ่ด้านบนที่ลากมาตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วอีกด้วย
มาถึงจุดนี้แล้วทำอย่างไรกันต่อ? ทุกอย่างเท่ากันหมดทั้งแรงซื้อและแรงขาย ตามตำราแล้วนักลงทุนที่ดีต้องเชื่อในการลงทุนระยะยาวซึ่งในทีนี้คือขาลงใช่หรือไม่ แต่ถ้ามองดูที่กรอบขาขึ้นระยะสั้นราคาในตอนนี้ก็มาแรงเหลือเกิน ยิ่งทวิตเตอร์มีปัญหากับโดนัลด์ ทรัมป์และยิ่งได้รับความนิยมสำหรับใช้งานในช่วงของการประท้วงด้วยแล้ว อันที่จริงแล้วผมอยากจะบอกว่าเรื่องของการมองระยะยาวเป็นการมองแบบเชื่อสถิติ
หากพิจารณาจาก Volume ปริมาณการซื้อนั้นลดลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เห็นผลชัดเจนนักและถ้าตัดแท่งเทียนขาขึ้นที่แรงที่สุดเมื่อวันพุธออกไปจะพบว่าก่อนหน้านี้หุ้นทวิตเตอร์เคยพยายามจะพุ่งขึ้นมาแล้วถึงสามรอบแต่ความพยายามทั้ง 3 ครั้งนั้นเกิดขึ้นในวันที่เป็นขาลงหมด หากนำแรงของทั้งสามวันนั้นมารวมกันจะพบกว่ากราฟมีแรงขึ้นมากกว่าแท่งเทียนขาขึ้นของวันพุธเสียอีก
ในส่วนของขาลงเรามองว่าแรงขายที่แสดงออกมายังไม่ชัดเจนมากนัก แต่เรามองว่าบริเวณแนวต้านที่มาบรรจบกันพอดีของทั้งกรอบขาลงระยะยาวและกรอบขาขึ้นระยะสั้นมีนัยสำคัญพอที่อย่างน้อยจะทำให้หุ้นย่อกลับลงไปได้ หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้นตรงนี้อาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสวิงลงในกรอบราคาใหญ่ของหุ้นทวิตเตอร์
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะไม่เทรดสวนเทรนด์ดังนั้นนักลงทุนกลุ่มนี้จะเลือกเชื่อในขาขึ้น แต่พวกเขาจะวางคำสั่งซื้อต่อเมื่อราคาสามารถทะลุกรอบราคาขาลงระยะยาวลงมาได้แล้วเท่านั้น หรอถ้าจะขายหุ้นพวกเขาจะขายต่อเมื่อราคาลงมาต่ำกว่ากรอบขาขึ้นระยะสั้นแล้วเท่านั้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะขายหุ้นเมื่อสามารถยืนยันได้แล้วว่าแนวต้านจากทั้งสองแนวโน้มสามารถดึงนักลงทุนในตลาดหมีเข้ามาได้จริงๆ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง ขายหุ้นทันทีที่ต้องการโดยมีแผนการเทรดและการบริหารเงินทุนรองรับความเสี่ยงอยู่แล้ว
ตัวอย่างการเทรด (สำหรับขาลง)
- จุดเข้า: $35
- Stop-Loss: $36
- ความเสี่ยง: $1
- เป้าหมายในการทำกำไร: $30
- ผลตอบแทน: $5
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:5