Todays selection CK, ERW, WHA
A resurgence of Value stocks - BANK & PROP have more room to run
ในเชิงกลยุทธ์: ยังคงประเมินกรอบแนวต้านของ SET Index ที่สำคัญในเชิง Valuation ที่ระดับ 1420 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ตึงตัวในเชิง Valuation และไม่สามารถปรับขึ้นได้อีกแล้ว เนื่องจากอิงกรณี Forward PE ดีสุดของเราที่ 16.8 เท่าแล้ว ซึ่งในระยะสั้นคงจะไม่สามารถอาศัยธีมPE Expansion ได้อีก เนื่องจากเราคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยไปก่อนในการประชุมเดือนนี้ (รายละเอียดด้านล่าง) รวมถึงเป็นระดับที่อิงกับประมาณการ EPS ปีหน้าที่ 84.5 บาทแล้ว ซึ่งล่าสุดใน Bloomberg consensus ถูกปรับลงเหลือเพียง 83.8 บาทเท่านั้นทั้งนี้หากดัชนียังคงเดินหน้าขึ้นต่อไปที่ระดับ 1420 จุดหรือสูงกว่า แนะนำเป็นจุดทยอยลดพอร์ตการลงทุนโดยรวม Trading value: จากปรากฏการณ์ Risk-on ล่าสุดที่เรากล่าวไปเมื่อวานนี้ จึงทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดวานนี้กระโดดขึ้นมาอยู่ถึง 1.2 แสนล้านบาท ถือเป็นมูลค่าสูงสุดในรอบ 2 ปีกว่าหรือตั้งแต่เดือนก.พ.ปี 2018 (ไม่นับรวมวันที่ MSCI ปรับตะกร้าพอร์ต) มองเป็น Sentiment เชิงบวกระยะสั้นต่อหุ้นในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์หรือ Broker เช่น KGI, MBKET, ASP เป็นต้น Fund flow: ยังคงมีสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยถึง 2,400 ล้านบาท และเข้าซื้อสุทธิในตราสารหนี้ไทยอีก 7,500 ล้านบาท โดยในตลาดหุ้นนั้น หากดูยอดซื้อขาเดียวจะพบว่าอยู่สูงถึง 41,000 ล้านบาท ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีก่อนส่วนทางฝั่งของตราสารหนี้นั้นถือเป็นยอดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีก่อน สอดคล้องกับมุมมองของเราเมื่อวานนี้ที่ว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับตราสารหนี้ของประเทศอื่นๆในภูมิภาค Retail investor: ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การเข้ามาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่มากขึ้นนี้ กลับไม่ได้ทำให้ระดับการ Participate ของนักลงทุนทั่วไป (Retail) ตกลงแต่อย่างใด กล่าวคืออยู่ที่ 49% ใกล้เคียงเดิม(รูปที่ 1) สะท้อนถึง Liquidity และ Risk appetite ของนักลงทุนกลุ่มนี้ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งน่าจะช่วยสร้างความคึกคักให้กับหุ้นขนาดกลาง-เล็กต่อไปด้วยเช่นกัน Ample liquidity: ในสภาวะที่สภาพคล่องทั้งในและต่างประเทศเอ่อล้นเช่นนี้ แต่ Valuation ของตลาดหุ้นอยู่ในระดับสูง เรายังคงมีมุมมองเดิมว่ากลุ่มที่เคยปรับตัว Underperform ตลาดมานานจะถูกหยิบยกมาลงทุนตามปรากฏการณ์ Catch-up playซึ่งหากนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ก็ยังคงได้แก่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK) และอสังหาริมทรัพย์เช่นเดิม (PROP) แถมทั้ง 2 กลุ่มนี้ยังมีคุณสมบัติที่คล้ายกันนั่นก็คือเป็นกลุ่มหุ้นที่มีมูลค่าถูกและเงินปันผลสูง Value: คาดการณ์กลุ่มหุ้นที่มีมูลค่าถูก (Value stocks) ที่ Underownedและยังคงปรับตัว Laggard ซึ่งได้แก่ กลุ่ม BANKและกลุ่ม PROPจะเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของเราล่าสุดไปยังตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้พบว่า หุ้นในกลุ่ม Value ปรับตัว Outperform หุ้นในกลุ่ม Growth อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น หากอิงการปรับตัวของ SET ในอดีตในช่วงวิกฤติ Subprime ปี 2008 จะพบด้วยว่า นับตั้งแต่ที่ SET ปรับตัว Bottom out เป็นขาขึ้นในช่วงเดือนพ.ย. 2008 พบว่าเป็นหุ้นในกลุ่ม Value นี้เองที่ปรับตัว Outperform ดัชนี SET รวมถึงหุ้นในกลุ่ม Growth ไปอย่างน้อยอีก 9 เดือนด้วยกัน(รูปที่ 1) บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities |