รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

จีนเดินหน้าทำสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติท่ามกลางความเสี่ยงทางการเงินทั่วโลกสูงขึ้น

เผยแพร่ 12/06/2563 12:08

ในขณะที่โลกกำลังวุ่นวายอยู่กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจอันได้รับผลกระทบมาจากโควิด-19 แต่ประเทศมหาอำนาจหนึ่งกำลังซุ่มสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่จะมาเขย่าวงการเงินโลก ประเทศจีนกำลังพยายามอย่างหนักในการสร้าง“สกุลเงินหยวนดิจิทัล (DCEP)” เป็นสกุลเงินประจำชาติที่พัฒนาอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชนโดยที่สกุลเงินดิจิทัลแห่งชาตินี้จะมีธนาคารกลางแห่งประเทศจีน (PBoC) เป็นผู้ดูแล

อ้างอิงข้อมูลจาก BoxMining รายงานว่าเป้าหมายของการทำสกุลเงินหยวนดิจิทัลนี้เป็นไปเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับสกุลเงินเหรินหมินปี้ (RMB)และดันหยวนให้ขึ้นเป็นสกุลเงินที่ใช้กันในระดับสากลโลกเหมือนดังเช่นที่ทั่วโลกยอมรับและใช้สกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินกลาง ล่าสุดศาลของประเทศจีนพึ่งอนุมัติรองรับให้สกุลเงินดิจิทัลบางสกุลที่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างอย่าง บิทคอยน์ อีธีเรียมและเทเธอร์สามารถเข้าสู่ประเทศจีนได้โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลจีนค่อนข้างจะเพ่งเล็งการใช้งานเทเธอร์เป็นหลัก

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมามีรายงานว่าบัญชีธนาคารประมาณ 4,000 บัญชีที่ทางรัฐสืบได้ไว้ผูกติดอยู่กับบัญชีสกุลเงินดิจิทัลถูกสั่งระงับการใช้งานในมณฑลกวางตุ้งเพราะอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่ผิดกฏหมายอย่างเช่นการฟอกเงิน จนนำไปสู่ข้อสงสัยที่ว่าทำไมแบงก์ชาติของจีน (OTC:BACHY) จึงยอมแลกความปลอดภัยที่พยายามรักษามาตลอดกับสกุลเงินดิจิทัลจากโลกภายนอกที่รู้อยู่แล้วว่าอาจสร้างความวุ่นวายภายในประเทศได้

จีนเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องของสกุลเงินดิจิทัลแล้วหรือ?

นาย Josh Tate ซีอีโอของ ForumPay ชี้ให้เห็นประเด็นว่าเมื่อปีที่แล้วทางแบงก์ชาติของจีนเอาจริงกับการปราบปรามเหมืองบิทคอยน์มาโดยตลอด แต่เพราะการใกล้จะมาถึงของสกุลเงินหยวนดิจิทัลจึงทำให้มุมมองของประเทศที่มีต่อสกุลเงินดิจิทัลเริ่มเปลี่ยนไป? ส่วนตัวแล้วนาย Josh ไม่เชื่อว่าการมาถึงของสกุลเงินหยวนดิจิทัลจะสามารถเปลี่ยนความเชื่อของรัฐบาลที่มีต่อสกุลเงินดิจิทัลของโลกภายนอกได้ 

“ประเทศจีนได้แบนบิทคอยน์มาตั้งแต่ปี 2013 ไล่ปิด exchange คริปโตในปี 2014 และไม่อนุญาตให้มีการทำ ICO ทุกรูปแบบในปี 2017 แต่ในช่วงเวลาหลายปีนั้นจีนกลับลงทุนอย่างหนักที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานของสกุลเงินหยวนดิจิทัลขึ้นมาให้ได้ ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าการไล่แบนสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เป็นไปเพื่อหลีกทางให้สกุลเงินหยวนดิจิทัลและการใช้งานสกุลเงินหยวนดิจิทัลคือการเพิ่มเครื่องมือในการติดตามการทำธุรกรรมของประชาชนในประเทศตัวเองรูปแบบหนึ่ง”

นาย Amit Ghosh หัวหน้าทีมนักพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน R3 ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมองว่าจีนมีกลยุทธ์ที่แตกต่างออกไป เขาคิดว่าสาเหตุที่จีนต้องกีดกันสกุลเงินดิจิทัลต่างชาติออกไปก่อนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสกุลเงินหยวนดิจิทัล ประเทศจีนต้องการให้ประชาชนของตนเลือกใช้สกุลเงินหยวนดิจิทัลก่อนที่จะเลือกใช้สกุลเงินอื่น แม้ว่าในระดับโลกสกุลเงินหยวนดิจิทัลจะถูกมองว่ามีโอกาสโดนแทรกแซงได้จากรัฐบาลจีนแต่อย่างน้อยตราบเท่าที่ประชาชนในประเทศยังเลือกใช้งานหยวนดิจิทัลก่อนปัญหาข้างนอกยังสามารถแก้ไขในภายหลังได้

อีกประเด็นหนึ่งที่ผู้คนมักจะพูดถึงกันคือการท้าชิงตำแหน่งราชาสกุลเงินซึ่งมีดอลลาร์สหรัฐนั่งอยู่บนบัลลังก์มาโดยตลอด ในปี 2018 จีนได้เดินเกมกับการใช้งานสกุลเงินหยวนแล้วด้วยการเปิดตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าที่จำเป็นต้องใช้สกุลเงินหยวนในการซื้อเท่านั้น

การเข้ามาแทรกแซงระบบชำระเงินแบบเดิมๆ

หลายคนเชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลของจีนคือสิ่งที่จะมาเปลี่ยนเกมการเงินในตลาดด้วยการแทรกแซงรูปแบบการชำระเงินแบบเก่าในขณะเดียวก็จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วย นาย Kenneth Bok หัวหน้าแผนกพัฒนากลยุทธ์และการเติบโตของบริษัท Zilliqa กล่าวว่าความน่าสนใจของสกุลเงินหยวนดิจิทัลที่ทุกคนกำลังจับตามองคือการทำลายกำแพงระหว่างแพลตฟอร์ม ในตอนนี้จีนมี 2 บริษัทยักษ์ที่มีผู้ใช้งานสกุลเงินดิจิทัลอยู่บนแพลตฟอร์มพวกเขาเองอย่าง Alipay (NYSE:BABA) ของบริษัทอาลีบาบาและ WeChat Pay (OTC:TCEHY) ของบริษัทเท็นเซนต์

 Bok บอกว่าทุกวันนี้ 96% ของประชาชนจีนใช้เหรียญดิจิทัลของสองแพลตฟอร์มนี้แล้วลองคิดว่าถ้าหยวนดิจิทัลเข้ามา ทลายกำแพงระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่นี้ลง หยวนดิจิทัลจะกลายเป็นสกุลเงินที่มีการใช้งานมากที่สุดในประเทศจีนภายในเวลาไม่นานโดยมีแบงก์ชาติเป็นผู้ดูแล 

“รูปแบบการบริหารประเทศของจีนเอื้อต่อการเกิดขึ้นของสกุลเงินหยวนดิจิทัลเป็นอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับหยวนดิจิทัลจะมีนัยสำคัญในแง่ของผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน การลดต้นทุนการผลิตเงิน และการวางนโยบายทางการเงินแบบใหม่ที่สามารถมีผลได้ทันที ไม่ต้องมีปัญหาเงินนอก เงินมืด อีกต่อไป”

นาย Lennard Neo หัวหน้าทีมนักวิจัยของ Stack Funds ประจำภูมิภาคเอเชียเชื่อว่าไม่มีเวลาไหนเหมาะสมที่จะเปิดตัวสกุลเงินหยวนดิจิทัลไปมากกว่าในเวลานี้อีกแล้ว เพราะในขณะที่จีนกับสหรัฐฯ ยังคงตั้งแง่กันในเรื่องของสงครามการค้าและวิกฤตโควิด-19 จนตอนนี้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ต้องลงมาเกือบแตะ 0% การเริ่มใช้สกุลเงินหยวนดิจิทัลในตอนนี้จะยิ่งทำให้ฝัน “เส้นทางสายไหม” ของจีนและการรวมฮ่องกงเกิดได้เร็วขึ้น

“สกุลเงินหยวนดิจิทัลอยู่ในจุดสนใจของประชาคมโลกมาอย่างยาวนาน ข้อดีอย่างหนึ่งที่สามารถเห็นได้แน่นอนจากการใช้สกุลเงินดิจิทัลคือเราจะได้เห็นความโปร่งใสและที่มาที่ไปของเงินได้ง่ายขึ้น ถึงกระนั้นผลกระทบที่แท้จริงจากการใช้สกุลเงินดิจิทัลกับคนทั้งประเทศก็ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปโดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นส่วนตัวที่ต้องแลกมากับความสะดวกสบาย”

พอพูดถึงข้อดีของสกุลเงินหยวนดิจิทัลนาย Tate แห่ง ForumPay ก็ขอเสริมในประเด็นนี้ว่า

“การเปิดตัวสกุลเงินหยวนดิจิทัลอาจจะทำให้ชาติตะวันตกได้ตื่นตัว ได้เห็นข้อดี ได้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในมิติต่างๆ และเปิดโอกาสให้ฝั่งตะวันตกหันมาจริงจังกับการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตัวเอง มันจะน่าตื่นเต้นขนาดไหนที่เราจะได้อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคเงินดิจิทัล 100% อย่างแท้จริง”

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องคำนึงและพิจารณาให้ถี่ถ้วนสำหรับรัฐบาลจีนที่ต้องการเปิดใช้งานสกุลเงินดิจิทัลก็คือความสามารถในการแข่งขัน หากเปิดตัวแล้วรัฐบาลจีนจะต้องทำให้สกุลเงินดิจิทัลหยวนของตัวเองสามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ๆ อย่างอาลีบาบาหรือเท็นเซนต์ให้ได้ นี่ยังไม่นับผู้เล่นอื่นที่จะเกิดขึ้นอีกในโลกของ e-commerce พร้อมด้วยสกุลเงินดิจิทัลของพวกเขา นอกจากนี้จีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่จริงจังกับการทำสกุลเงินดิจิทัลแต่ยังมีประเทศอื่นๆ เช่นสวีเดนที่ธนาคาร Riksbank กำลังพัฒนาและทดสอบสกุลเงิน e-krona อยู่

ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ว่าทำไมจีนถึงจริงจังกับการพัฒนาสกุลเงินหยวนดิจิทัลขนาดนี้ มีรายงานจาก Foreign Affairs เผยว่าการเกิดขึ้นของสกุลเงินหยวนดิจิทัลสามารถทำให้เส้นทางสายไหมสำเร็จได้ง่ายขึ้นด้วยความร่วมมือกับประเทศที่อยู่ในตะวันออกกลางที่เป็นศัตรู ถูกคว่ำบาตร ไม่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกาได้หันมาใช้สกุลเงินหยวนที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมพอที่จะสู้กับสกุลเงินดอลลาร์ได้ เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่าประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางบางประเทศได้ย้ายการโฆษณาผลิตภัณฑ์ในชาติของตนมาค้าขายในประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายน้ำมันที่สามารถหลบการตรวจสอบของสถาบันการเงินสหรัฐฯ ได้

ความคิดเห็นล่าสุด

賏宅急便秘書長大量也不會因為那樣本身上一篇文章分類候選人四年的事物理論基礎知識產權益氣勢凌人生了嗎哪大十大十分之一萬元件好事件發生意外
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย