อัพเดตข้อมูลล่าสุดจาก Analyst Meeting วันที่ 8 ก.ค. 63
► ประกาศผลการดำเนินงาน 2Q63 วันที่ 14 ส.ค. 63
► ราคาขายปรับเพิ่ม ขณะที่ราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำ หนุนอัตรากำไร ขั้นต้น
► คาดผลประกอบการ 2Q63 ยังเติบโตต่อเนื่อง จากการเร่งตัวของดีมานด์ กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และราคาขายที่สูงขึ้น
► เน้นเจาะตลาด Emerging Market เนื่องจากยังมีศักยภาพในการเติบโต
ราคาขายปรับเพิ่ม หนุนอัตรากำไรขั้นต้น ภาพรวมอุตสาหกรรมยังคงเป็นบวกต่อ STGT โดยปัจจุบันซัพพลายถุงมือยางยังคง ขาดตลาด ขณะที่ดีมานด์ทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยถุงมือยาง ปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยบริษัทปรับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15%MoM โดย ลูกค้ามีการล็อก Volume ยาวไปจนถึง 3Q64 ขณะที่ราคาวัตถุดิบ (ราคาน้้ายางข้น และราคาน้้ายางสังเคราะห์) ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้บริษัทคาดว่าราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะราคาน้ำยางสังเคราะห์ จะทยอยปรับขึ้นในช่วง 2H63 ตามราคาน้้ามันดิบ แต่ราคาขายยังคงสูงกว่าราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่ม ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ใน ระดับสูง
คาดผลประกอบการ 2Q63 ยังเติบโตต่อเนื่อง เราคาดว่าผลประกอบการ 2Q63 ยังคงสดใส จาก (1) ความต้องการที่ยังอยู่ใน ระดับสูง (2) โครงการเพิ่มกำลังผลิต สามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เต็มไตรมาสครั้ง แรกได้ใน 2Q63 โดยมีอัตราผลิต (U-Rate) อยู่ที่ 95% และ (3) อัตราก้าไรขั้นต้นที่ เพิ่มขึ้นจากราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้น และราคาวัตถุดิบที่อยู่ในระดับต่้า อย่างไรก็ตาม บริษัทให้ความส้าคัญกับการปรับราคาขายให้เหมาะสม เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับ คู่ค้าทั้งในระยะสั้นและในระยะกลาง
เน้นเจาะตลาด Emerging Market บริษัทเน้นจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติชนิดมีแป้งให้กับ Emerging Market เนื่องจาก มีราคาถูกกว่าถุงมือยางชนิดอื่น ทำให้ตลาดดังกล่าวมีกำลังซื้อได้ทั้งนี้ Emerging Market ยังมีปริมาณการใช้ถุงมือยางอยู่ในระดับต่ำ โดยอินเดียและแอฟริกามี ปริมาณการใช้ถุงมือยาง 6 ชิ้นต่อคนต่อปี และ 4 ชิ้นต่อคนต่อปีตามลำดับ ทำให้ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐฯ และ ยุโรป ที่มีปริมาณการใช้ถุงมือยาง 150 ชิ้นต่อคนต่อปี และ 100 ชิ้นต่อคนต่อปี ตามลำดับ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities