เอเชีย เอวิเอชั่น (BK:AAV)
2Q20 รายงานผลขาดทุนสุทธิ1,141ลบ. AAV รายงานผลขาดทุนในงวด 2Q20 จ านวน 1,141 ลบ. ขาดทุนเพิ่มขึ้น จาก 482 ลบ. ใน 2Q19 และ 671 ลบ. ใน 1 Q20 โดยมีรายการพิเศษคือ กำไรจากจากอัตราแลกเปลี่ยน ขาดทุนตราสารอนุพันธ์และผลขาดทุนจาก การขายเครื่องบิน รวมกันประมาณ 1,400 ลบ. ทั้งนี้งวด 2Q20 นี้ได้รับ ผลกระทบจากการหยุดบินเส้นทางทั้งในและต่างประเทศ แม้ว่าจะเริ่ม กลับมาบินได้ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. เป็นต้นมาก็ตาม
โดยช่วงแรกมีการจัด ที่นั่งยังต้องมีการเว้นที่นั่งอยู่ทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเพียง 0.28 ล้านคน ลดลงจาก 5.6 ล้านคนใน 2Q19 และ 4.53 ล้านคน ใน 1Q20 อัตราบรรทุก ผู้โดยสารเหลือเพียง 52% ลดลงจาก 83% ใน 2Q19 และ 84% ใน 1Q20 ส่วนค่าโดยสารเฉลี่ยที่ลดลง 26%YoY,26%QoQ (เนื่องจากไม่มี เส้นทางบินระหว่างประเทศ) รายได้อยู่ที่ 267 ลบ. ( -97%YoY, - 97%QoQ) และจากการที่ไม่สามารถลดต้นทุนได้ทัน มีผลขาดทุนขั้นต้น เป็นอย่างมาก
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 332 ลบ. ( - 5 9%YoY, -47%QoQ) รวมแล้วมีผลขาดทุนจากการดำเนินการกว่า 3,585 ลบ. เพิ่มขึ้นจาก 1,196 ลบ. ใน 2Q19 และ 858 ลบ. ใน 1Q20 ดอกเบี้ย จ่ายเพิ่มขึ้น 1 1 7%YoY แต่ลดลง 29%QoQ มาอยู่ที่ 391 ลบ. เป็นผลจาก มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 16 ที่ทำให้มีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มจากสินทรัพย์สิทธิการเช่าเข้ามา
ด้านภาษีมีการรับรู้เป็นรายได้เข้ามา 106 ลบ. รวมแล้ว ในช่วง 1H20 AAV มีรายได้ 8.079 ลบ. ( -61%YoY) และมีผลขาดทุน 1,813 ลบ. จากที่มีกำไร 15 ลบ. เตรียมเปิดบินเพิ่มที่สุวรรณภูมิ หลังจากกลับมาเปิดบินได้ตั้งแต่เดือน พ.ค. ทางสายการบินมีการเพิ่มกำลัง การผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเดือน ส.ค. เส้นทางบินในประเทศมาอยู่ที่ ระดับ 75% แล้ว จากระดับ 25% ในเดือน มิ.ย. และคาดว่าภายในเดือน ต.ค. จะเพิ่มมาสูงกว่า 100% ส่วนการบินเส้นทางต่างประเทศคาดว่าจะเริ่ม ในเดือน ต.ค. ในรูปแบบ Tra v el Bubble ไปก่อน โดยทั้งปีคาดว่าจะมีผู้โดยสาร 10 ล้านคน ลดลง 55 %YoY ส่วนการเปิดเส้นทางบินเพิ่มจากสนามบินสุวรรณภูมิที่จะเริ่มวันที่ 25 ก.ย. เพื่อรองรับกับความต้องการผู้โดยสารในประเทศที่มีในปัจจุบันรวมถึงใน อนาคตหากมีไทยอนุมัติให้สายการบินต่างประเทศบินเที่ยวบินพาณิชย์เข้า มาได้จะเป็นการเพิ่มโอกาสรับลูกค้าที่มาเดินทางต่อในประเทศเพิ่ม
นอกจากนี้ AAV เองมีแผนจะเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Cargo เข้ามาซึ่งปริมาณ ของสินค้า Cargo ทั้งประเทศอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิถึง 92% ทั้งนี้ในแง่ ต้นทุนเองโดยรวมถือว่าสูงกว่าที่ดอนเมือง แต่ทาง AAV มองว่าด้วยกำลัง การผลิตที่ยังเหลือจึงมองว่ายังสามารถบริหารต้นทุนได้ ปรับขาดทุนเพิ่ม แต่มองจุดต่ำสุดผ่านไปแล้ว
ล่าสุด ผู้บริหารประเมินจำนวนผู้โดยสารเพียง 10 ล้านคน ต่ำกว่าที่เราเคย ใช้สมมติฐานที่ 10.8 ล้านคน เราจึงประเมินผลขาดทุนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,940 ลบ. จากเดิมที่คาดไว้ที่ 2,591 ลบ. ส่วนปี 21 ด้วยความเสี่ยงจาก เที่ยวบินต่างประเทศที่อาจจะยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ทำให้เราประเมิน ผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 13 ล้านคน แต่ด้วยต้นทุนที่ยังสูง โดยเฉพาะด้านเครื่องบิน ทำให้คาดว่าจะยังมีผลขาดทุนต่ออีกปีแต่ลดลง เหลือ 341 ลบ. คำแนะนำการลงทุน เรามองว่าจุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้วแต่ยังมีความเสี่ยงที่ ผลประกอบการจะยังขาดทุนต่อจนกว่าจะบินเส้นทางต่างประเทศได้เต็มที่ เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” เช่นเดิม โดยเราประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ ที่ 1.94 บาท (0. 6XPBV 2 1 ’ E ) ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการหา วัคซีนป้องกันโรค COVID ออกมานักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้นๆจาก ประเด็นดังกล่าวได้
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th