Event
► ประชุมนักวิเคราะห์ เราไม่กังวลต่อการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของกระทรวงพลังงานคนใหม่ มองว่า ไม่มีผลต่อแผนการดำเนินงานเดิมของ BGrimm Power (BK:BGRIM)
Our Take
► เรายังคงภาพบวกต่อแนวโน้มกำไรช่วงที่เหลือของปี และคาดว่ามีโอกาสที่กำไรอาจทำระดับสูงสุด ใหม่ได้ใน 3Q63 จากการทยอยกลับมาเดินเครื่องการผลิตเกือบเป็นปกติของลูกค้า IU ในกลุ่ม ยานยนต์ พร้อมกับต้นทุนเชื้อเพลงที่ถูกลงราว 30 บาท/ล้านBTU เป็นราว 230 - 240 บาท/ล้าน BTU ซึ่งทุก 1 บาท ที่ลดลงจะมีส่วนเพิ่มกำไรราว 13 – 15 ลบ./ปี สมมติฐานของเราอยู่ที่ 260 บาท/ ล้านBTU ในปี 2563 – 2564 และลดลงเป็น 239.20บาท/ล้านBTU ในปี 2565 เป็นต้นไป ขณะที่การลดค่า FT ลงกระทบกำไรลดลงราว 1 ลบ. ต่อเดือน
► ด้านความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลง รมว. พลังงาน ที่อาจส่งผลต่อโครงการ SPP Replacement นั้นผู้บริหารยังยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน และกำลังจะเริ่มก่อสร้างเพื่อให้เสร็จทันการ COD ในปี 2565 เป็นโรงไฟฟ้าที่มี Demand รองรับ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในนิคม
► รวมถึงการนำเข้าก๊าซ LNG ที่ได้รับใบอนุญาตแล้วนั้นบริษัทสามารถเริ่มการนำเข้าได้ทันทีในปีนี้ โดยก่อนที่จะมีการ COD ของโรงใหม่ทั้ง SPP Extension และ SPP Replacement บริษัทจะนำเข้ามาจำนวน 280,000 ตัน จากความสามารถสูงสุดตามใบอนุญาตที่ 650,000 ตันต่อปี เพื่อนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าเก่าก่อนบางส่วนเพื่อเป็นการลดต้นทุนด้านเชื้อเพลิง ปัจจุบันราคาตลาดโลกอยู่ที่ราว US$2.4/ล้านBTU เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายต่างๆ จนถึงพร้อมใช้งานหน้าโรงไฟฟ้าอยู่ที่ราว US$5/ล้าน BTU เทียบกับต้นทุนที่ซื้อจาก ปตท. (BK:PTT) ปัจจุบันอยู่ที่ราว US$7-8/ล้านBTU
► มีการเลื่อนกำหนดการ COD ของ BGPR1 และ 2 ขนาดกำลังการผลิตรวม 240MW จากปี 2564 ไปเป็นปี 2566 เนื่องจากมีการหารือร่วมกับ EGAT เพื่อความเหมาะสมด้านความพร้อมของสายส่ง รวมถึงการบริหารต้นทุนที่ดีกว่าด้วยเทคโนโลยีใหม่ลดอัตราการใช้ก๊าซลง โดยมีการพิจารณาย้าย สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้าจาก จ. ราชบุรี ไปเป็น จ. อ่างทอง ซึ่ง BGRIM มีโรงไฟฟ้าเดิมอยู่ใกล้เคียงคือ อ่างทองพาวเวอร์ และได้ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 240MW เป็น 280MW
► การเลื่อน COD อาจกระทบประมาณการปี 2564 – 2565 แต่ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากในปี 2564 ประมาณการเดิมเราให้ BGPR1 มีรายได้ 9 เดือน และ BGPR2 สร้างรายได้เพียง 3 เดือน จึง กระทบประมาณการกำไรปี 2564 จำกัด ขณะที่ปี 2565 ที่จะกระทบมากที่สุดนั้น เราเชื่อว่าในช่วงปี 2563 – 2564 บริษัทจะมีการ M&A โรงใหม่ๆ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้มีกำไรมาชดเชย BGPR1-2 ที่ เลื่อนไป COD ปี2566 ได้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาโครงการใหม่ทั้งในรูปแบบ M&A และ โครงการใหม่เลย ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมไม่น้อยกว่า 500MW คาดว่าจะทยอยชัดเจน ในช่วง 4Q63 –1Q64
► ขณะที่มี Upside จากต้นทุนก๊าซ LNG ที่จะต่ำลงกว่าปัจจุบันมาก หากมีการทยอย COD โรงใหม่ และใช้ LNG ที่นำเข้าเอง 100%
► มีโครงการโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในเวียดนามแห่งใหม่ขนาดราว 2,500 – 3,000MW ร่วมกับ พันธมิตร นอกเหนือจากโครงการ LNG to power ขนาด 3,000MW ที่บริษัทเคยให้ข้อมูลไว้ แต่ บริษัทคาดว่าอาจยังต้องใช้เวลา ซึ่งทำให้กระแสเงินสดที่บริษัทมีและความสามารถในการกู้ยืมยัง สอดคล้องกัน และไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน หรือหากโครงการขนาดใหญ่มาเร็วกว่าแผน บริษัทก็จะใช้ วิธีการหาพันธมิตรร่วมลงทุนซึ่งจะไม่ต้องเพิ่มทุน
ความเห็น: เรายังคงมุมมองบวก ราคาที่อาจอ่อนตัวลงจากการเลื่อน COD โรงไฟฟ้า BGPR1-2 ส่วน หนึ่งนั้น เรามองว่าไม่ใช่ประเด็นที่มีนัยยะต่อประมาณการ ประเด็นหลักการปรับตัวลงน่าจะเป็นใน ทิศทางเดียวกับกลุ่มคือการปรับตัวขึ้นของ Bond yield และค่าเงินบาทอ่อนค่า จึงเป็นโอกาสในการ สะสม คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 60.00 บาท นอกจากนี้ BGRIM ถูก Upgrade จาก FTSE Small cap เป็น Large cap มีผลวันที่ 18 ก.ย.
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities