#อุตสาหกรรมรถยนต์ กำลังอาจใกล้มาถึงจุดจบเร็วกว่าที่เราคิด.... และเหล่าบริษัทรถยนต์ต่างๆอาจต้องหนีการ #ล้มละลาย หากยังไม่รีบวางแผนและปรับตัวให้ทัน
หากเราดูหนัง Sci-fi ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เราก็คงจะเห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้ขับรถยนต์กันแล้ว #แต่ไม่ว่ายานพาหนะในอนาคตจะเป็นแบบไหน ? จะเป็นระบบการขับรถอัตโนมัติหรือยังต้องขับเอง ? จะต้องเติมน้ำมันหรือแค่ชาร์จแบตเตอรี่ ? ไม่ว่าจะเป็นในหนังเรื่องไหน เราคงต่างเห็นกันว่าบ้านเมืองของพวกเขาดูพัฒนาไปกว่าโลกเราในปัจจุบันไปมากแล้ว
ทำให้ทุกคนอาจคงคิดกันไปว่าเทคโนโลยีบนโลกเรานั้น คงยังไม่ได้พัฒนาไปไกลเหมือนในหนังและ #พวกเราก็คงยังต้องขับรถยนต์กันไปอีกนาน
นั้นอาจเป็นความคิดที่เราคุ้นชิน จนทำให้เราไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้ว... รถยนต์ในปัจจุบันอาจจะอยู่กับเราไปอีกไม่นาน
รถยนต์ไฟฟ้า #EV ไม่ใช่จุดจบของอุตสาหกรรมรถยนต์
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับรถยนต์ไฟฟ้า EV ทั้งๆที่เมื่อ 10 ปีก่อนยังไม่มีใครคิดที่จะสนใจ นั้นเป็นเพราะว่าบริษัทรถยนต์ต่างๆเริ่มรู้ตัวแล้วว่าหากไม่รีบเปลี่ยนตัวเองไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้า วันนึงทางบริษัทอาจจะล้มละลายได้เพราะเทรนด์ของการขายรถยนต์เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
#แต่ การที่บริษัทหันมามุ่งเน้นกับ EV นั้นก็ยังไม่ใช่ทางออกที่จะทำให้ทุกบริษัทรอดตายได้ เพราะในขณะที่ทุกบริษัทกำลังหมกมุ่นอยู่กับการลงทุนเงินก้อนใหญ่ไปกับการพัฒนาระบบรถยนต์ไฟฟ้า EV ของตัวเองนั้น... หารู้ไม่ว่าหมากชิ้นที่สำคัญที่สุดของ Elon Musk และ #Tesla ยังมีอีกตัวนึง นั้นคือโครงการ #Robotaxis
เมื่อไหร่ก็ตามที่ทาง Elon Musk สามารถเริ่มเปิดตัว Robotaxis ออกมานั้น... จะเป็นการเริ่มนับถอยหลังถึงจุดจบของอุตสาหกรรมรถยนต์หลายๆแห่งอย่างแท้จริง...
#Robotaxis คืออะไร ?
Robotaxis คือระบบการให้บริการรถรับส่งแบบ Taxi ของ Tesla ที่จะทำการส่งทุกคนไปสู่ที่หมายโดยระบบขับรถอัตโนมัติ
โดยทาง Tesla Inc (NASDAQ:TSLA)จะสร้าง Network คล้ายๆกับ Uber หรือ Grab ขึ้นมาเพื่อที่จะสามารถทำให้รถยนต์ Tesla ทุกคันนี้เข้ามาให้บริการในระบบนี้ได้
ทำให้หากเวลาที่คุณกำลังทำงานอยู่แล้วไม่ได้ใช้รถ Tesla ของคุณ คุณก็จะสามารถปล่อยให้รถ Tesla ของคุณที่จอดไว้เฉยๆออกไปให้บริการรับส่งผู้คนไปสู่ที่หมายต่างๆได้ด้วย โดยคุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ระบบขับรถอัตโนมัติก็จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้คุณได้
ทาง Elon Musk ได้ออกมากล่าวย้ำว่า เขามั่นใจมากว่าระบบขับรถอัตโนมัติหรือ Level 5 Autonomous Car ของ Tesla ใกล้จะสำเร็จมากๆแล้ว โดยเขาเชื่อว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ด้วยซ้ำ และหากสำเร็จทาง Tesla ก็จะสามารถเปิดระบบ Robotaxis ได้โดยทันที
แผนธุรกิจของบริษัทรถยนต์ต่างๆทุกวันนี้ ยังไม่มีใครคำนึงถึงผลกระทบของ Robotaxis เลย
ในขณะที่บริษัทรถยนต์กำลังยุ่งอยู่กับการพัฒนารถยนต์ EV กำลังพยายามคำนวนถึง % ส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ของตลาดรถยนต์ EV ในอนาคต กำลังพยายามโฟกัสกับตลาดรถยนต์ที่เชื่อว่าจะโตขึ้นในอนาคต...
#แต่นั้นอาจเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะจริงๆแล้วเราไม่รู้เลยว่าตลาดรถยนต์ในอนาคตนั้นจะโตแค่ไหนหาก Robotaxis เปิดตัวแล้ว... โลกเราไม่เคยเจอกับการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดเช่นนี้มาก่อน และ New Normal ของอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง
#ยอดความต้องการซื้อรถยนต์ทั่วโลกกำลังจะตกฮวบ
ลองนึกภาพนี้ดูนะครับ ทุกๆวันนี้เวลาทุกคนขับรถไปทำงานเคยเห็นภาพตึกจอดรถที่มีรถจอดทิ้งอยู่เต็มตึกทั้งวันแบบไม่ได้ใช่งานอะไรไหมครับ ? ลองนึกภาพดูว่าจริงๆแล้วมนุษย์เรากำลังใช้รถยนต์อย่างสิ้นเปลืองมากแค่ไหน ? และหากเราสามารถนำรถยนต์เหล่านั้นมาใช้งานได้ตลอดเวลา... #ปริมาณรถยนต์ทั่วโลกจะลดลงไปแค่ไหน ?
จากสถิติโดยรวมของโลกแล้วนั้นพบว่า ในเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน คนทั่วไปใช้รถยนต์ของตัวเองไม่ถึง 10% เลยด้วยซ้ำ นั้นหมายความว่าเรากำลังจอดรถของเราทิ้งไว้เฉยๆมากกว่า 90% ของเวลาทั้งวันเลยทีเดียว
แต่แน่นอนว่าในปัจจุบันเราคงทำอะไรกับเวลา Downtime 90% เหล่านี้ไม่ได้ เพราะเราไม่สามารถส่งรถของเราต่อไปให้คนอื่นที่อยู่ต่างที่ใช้ต่อไม่ได้ #รถยนต์มันยังขับเองไม่ได้ ...
#แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปหาก Elon Musk สามารถสร้างระบบขับรถอัตโนมัติได้สำเร็จ และคงไม่มีใครจะทำสำเร็จได้นอกจากเขา เพราะเขาได้รวบรวม Data ข้อมูลในการขับรถทั่วโลกไว้มากกว่า 3 พันล้านไมล์ไปแล้วผ่านรถ Tesla ที่ขับอยู่ทุกคันบนโลกใบนี้ มันเป็นแผนที่ทาง Elon Musk ได้วางมาตั้งแต่ต้นแล้วที่ทำให้รถยนต์ทุกคันสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ และ Elon เองก็มั่นใจว่าอีกไม่นานระบบก็จะสำเร็จ
แปลว่าหากรถยนต์ Tesla ทุกคันกำลังออกไปให้บริการได้ตลอดเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง เวลา Downtime ของรถยนต์นั้นจะน้อยมาก และพวกเราหลายคนอาจเลือกที่จะไม่ซื้อรถเพราะว่าค่าบริการรถ Robotaxis นั้นถูกมากๆ (จากราคาน้ำมันและค่าคนขับที่ประหยัดไป น่าจะถูกกว่าค่าแท็กซี่ทุกวันนี้มากกว่า 10 เท่า) #จะทำให้ยอดขายรถนั้นตกฮวบแค่ไหน ?
รถ #Tesla มากมายกำลังจะหลั่งไหลเข้ามาในตลาด
นอกจากความต้องการใช้รถจะน้อยลงไปแล้วเพราะรถทุกคันของ Tesla กำลังจะสามารถขับไปรับบริการอัตโนมัติได้ ทาง Tesla ยังมีแผนที่จะขาย Software ขับรถอัตโนมัติให้กับบริษัทรถไฟฟ้าอื่นๆอีกด้วย จะยิ่งทำให้อัตราในการใช้รถต่อวันนั้นสูงขึ้นไปอีก (Occupency rate จะสูงกว่า 10% แน่ๆ)
ประกอบกับแผนการขายรถของ Tesla นั้น ทาง Elon Musk วางว่าจะขยายจากการผลิตจาก 5 แสนคนต่อปีให้ได้เป็น 5 ล้านคันต่อปีภายในปี 2025 หรือจะเพิ่มการผลิต 10 เท่าให้ได้ภายใน 5 ปีข้างหน้านั้น จะหมายความว่าความต้องการใช้รถยนต์จะยิ่งลดน้อยลงไปอีก #หดตัวลงไปมากกว่าแผนธุรกิจของทุกๆบริษัทรถยนต์ในปัจจุบันแน่นอน
Elon Musk ได้กล่าวเตือนทุกคนมาตลอดว่าระบบ Autonomous Driving นั้นจะมาเปลี่ยนทุกอย่าง
ในขณะที่หลายๆคนตั้งคำถามกับ Elon Musk ว่าเขามีแผนในการเพิ่มการผลิตหรือประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla อย่างไร ? และยังไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจกับระบบขับรถอัตโนมัติเท่าที่ควร
Elon กลับบอกย้ำกับทุกคนว่า "Autonomous Driving is not the icing on the cake, It's the cake"
หรือแปลได้ว่าระบบขับรถอัตโนมัตินั้นไม่ได้ทำมาแค่ให้รถของ Tesla นั้นดูดี จริงๆแล้วมันคือ #หัวใจหลักของธุรกิจ Tesla มากกว่าตัวรถยนต์เสียอีก และทาง Elon ก็ได้วางแผนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าการที่จะสามารถทำระบบขับรถอัตโนมัติได้นั้น จำเป็นที่จะต้องสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยพอขึ้นมาก่อน
การที่อุตสาหกรรมรถยนต์ต่าง Focus ผิดจุดนั้นยังไม่สายไป
ที่ผ่านมานั้นอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งโลกต่างเดินตามหลัง Elon Musk อยู่หนึ่งก้าวเสมอ แต่ในวันนี้เมื่อทั้งโลกกำลังจับจ้อง Elon มากขึ้นกว่าแต่ก่อน และทาง Elon เองก็ไม่เคยจะเก็บอะไรเป็นความลับ ทุกๆแผนที่เขาวางไว้นั้น ต่างได้ออกมาพูดกับสื่ออยู่เสมออย่างไม่เคยปิดบัง แต่แค่หลายๆฝ่ายยังไม่เข้าใจและยังไปโฟกัสผิดจุด
วันนี้ #หากบริษัทรถยนต์บริษัทไหนยังอยากจะอยู่รอดได้ คงต้องพยายามฟัง Elon Musk ให้มากกว่านี้แล้วครับ ไม่เช่นนั้นต้นทุนของแผนธุรกิจที่กำลังวางไว้อาจจะกลับมากระทบกับตัวเองในภายหลัง และทำให้แผนจะตามหลังธุรกิจยานยนต์ของโลกไปหลายขั้น
และหากย้อนกลับไปถามคำถามเหมือนคำถามแรกว่า ทำไมโลกเราถึงจะมีรถยนต์ที่ขับรถได้อัตโนมัติเองแล้ว ? ทั้งๆที่เทคโนโลยีในการสร้างตึกของเรายังไม่ได้ไปไกลเหมือนกับในหนัง Sci-fi ต่างๆเลย
คำตอบนั้นง่ายนิดเดียวครับ เพราะ Elon Musk นั้นไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างครับ เขาบังเอิญเลือกที่จะมาผลิตรถยนต์เสียก่อน
แต่ไม่ว่าคุณจะอยุ่ในกลุ่มธุรกิจหรืออุตสาหกรรมไหนก็ตาม ที่สำคัญที่สุด #DontBetAgainstElonMusk ครับ
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP
#ทันโลกกับTraderKP