ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (BK:WHA) 2H63 ช่วงเวลาแห่งการฟื้นตัวของผลประกอบการ
► กำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น QoQ หลังรายได้รวมปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
► บริษัทปรับเป้า Presales ที่ดินลงจาก 1,400 ไร่ เป็น 850 ไร่ หลังการเดินทาง ระหว่างประเทศติดชะงัก จาก COVID-19
► คาดผลประกอบการฟื้นตัวใน 2H63 โดยเฉพาะ 4Q63 หนุนจากรายได้จาก การโอนที่ดินและรายได้ประจำ รวมทั้งแผนขายสินทรัพย์เข้า WHART และ HREIT คิดเป็นมูลค่าราว 4,600 ล้านบาท
► ปรับเป้าโอนที่ดินในปี 2563 ลงเหลือ 400 ไร่ คาดกระทบกำไรสุทธิ 9%
► แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ ปี 2564 ที่3.90 บาท
เห็นการฟื้นตัวอย่างเด่นชัดใน 2H63 เราคาดว่าผลประกอบการของบริษัทในช่วง 2H63 จะออกมาอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะใน 4Q63 ซึ่งมีปัจจัยหนุนจาก
(1) ยอดโอน และยอด Presales ที่ดินที่คาดว่าจะฟื้นตัว หลังแนวโน้ม COVID-19 ในประเทศที่คลี่คลาย อาจทำให้ภาครัฐฯพิจารณาออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือนัก ลงทุนสำหรับมาติดต่อทางธุรกิจ รวมทั้งได้อานิสงส์จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ ยังยืดเยื้อ ทำให้เกิดการย้ายฐานทุน โดยทั้งไทยและเวียดนามยังเป็นเป้าหมายหลักสำหรับการย้ายฐานการผลิต
(2) รายได้จากธุรกิจ Recurring ที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนจากรายได้ จากการให้เช่า และธุรกิจสาธารณูปโภค หลังโรงงานเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตตามปกติ และ
(3) แผนการขายสินทรัพย์ให้แก่ WHART และ HREIT จำนวน 1.8 แสน ตร.ม. มูลค่าราว 4.6 พันล้านบาท โดยเราเชื่อว่าปัจจัยข้างต้นจะช่วยหนุนผลประกอบการในครึ่งปีหลังให้ฟื้นตัว ปรับเป้าโอนที่ดินในปี 2563-64 ลง กระทบกำไรสุทธิ 9% และ 10% ตามลำดับ
เราปรับประมาณการรายได้รวมในปี 2563-64 ลง 5% และ 6% เหลือ 9,498 ล้านบาท และ 9,928 ล้านบาท ตามลำดับ หลังได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งทำให้การโอนที่ดินติดชะงัก ทำให้เราปรับเป้าการโอนที่ดินในปี 2563-64 เหลือ 400 ไร่ และ 600 ไร่ (เดิม 520 ไร่ และ 750 ไร่ ตามลำดับ) ซึ่งคาดว่าจะฉุดกำไรสุทธิในปี 2563-64 ลง 9% และ 10% เหลือ 3,083 ล้านบาท และ 3,540 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 542 ล้านบาท (-48%YoY แต่ +446%QoQ) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 542 ล้านบาท ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ
โดยกำไรที่ เพิ่มขึ้น QoQ มาจากรายได้รวมที่ปรับตัวสูงขึ้น 16%QoQ เป็น 1,246 ล้านบาท หนุนจากการ โอนที่ดินจ านวน 117 ไร่ ขณะที่ 1Q63 มีการโอนเพียง 67 ไร่ รวมทั้งรายได้จากการให้เช่าที่ ปรับตัวสูงขึ้น 6%QoQ เป็น 303 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าพลิกเป็น กำไร 485 ล้านบาท (หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนกำไรจากส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 3%QoQ เป็น 251 ล้านบาท)
ทั้งนี้ในส่วนของรายได้สาธารณูปโภคปรับตัวลง 12%QoQ เหลือ 444 ล้านบาท หลังปริมาณการใช้น้ำลดลงหลังบางโรงงานมีการลดำลังการผลิตในช่วง COVD19 รวมทั้งรายได้จากค่าธรรมเนียมการใช้น้ำเกินโควต้า (Excessive Charge) ที่ลดลง นอกจากนี้ต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้น 20%QoQ เป็น 305 ล้านบาท หลังบริษัทมีการ เตรียมเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยจาก COVID-19
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 3.90 บาท เราเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1H63 โดยจะเห็นการฟื้นตัวอย่าง เด่นชัดใน 2H63 โดยเฉพาะ 4Q63 เนื่องจากบริษัทมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากอง REITS มูลค่า ราว 4.6 พันล้านบาท ประกอบกับคาดว่าจะมีมาตรการ Travel Bubble จากทางภาครัฐฯ เพื่อ ช่วยเหลือนักลงทุนให้เข้ามาเจรจาธุรกิจ และสามารถโอนที่ดินได้ รวมไปถึงรายได้จากธุรกิจให้ เช่า ที่เราคาดว่าจะยังดีต่อเนื่อง หลังได้อานิสงส์จาก COVID-19 ทำให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ E-Commerce มีการเช่าคลังสินค้ามากขึ้น ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคา เหมาะสมปี 64 ที่ 3.90 บาท
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities