รับส่วนลด 40%
🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ เราควรซื้อตามเลยไหม?

เผยแพร่ 02/09/2563 11:01
อัพเดท 09/07/2566 17:32
US500
-
GOOGL
-
AAPL
-
GOOG
-

ล่าสุด ดัชนี S&P 500 เพิ่งทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เกิด Pandemic ไปเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมาที่ระดับดัชนี 3,508 จุด ท่ามกลางผู้ติดเชื้อรายวันที่ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตัวเลข GDP Growth ในไตรมาส 2/2020 ที่ออกมา ก็พบว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาการหนักพอสมควร

ใครตามอ่านหรือฟังมุมมองของผมมา ก็จะพอรู้ว่า ผมยังมีมุมมองเชิงลบกับการลงทุนในหุ้นไทย ด้วยเพราะความสามารถในการแข่งขันที่หาย , เพราะเศรษฐกิจที่พึ่งพิงการส่งออก หรือ จะด้วยความไม่แน่นอนทางการเมือง เอาไว้ค่อยไปดูกันในบทความอื่นๆอีกที แต่โพสนี้ จะพาไปดูมุมมองตลาดหุ้นสหรัฐฯในภาพรวมให้ดูอีกรอบ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนหลังจากนี้ไปครับ

1. บริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P 500 ประกาศผลการดำเนินงานออกมาแล้วมากกว่า 95% ความน่าสนใจคือ ยอดขาย (Sales) ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เพียงแค่ 1.87% โดยภาพรวม แต่กำไรสุทธิ (Earnings) กลับดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์มากถึง 23.08%

2. โดยหากไปดูราย Sector จะพบว่า Sector กำไรโตดีกว่าที่ประมาณการมากๆได้แต่ Consumer Service และ Telecommunication ขณะที่ Energy Sector นี่แย่หนักเลย ซึ่งก็อาจสะท้อนว่า หลังโควิด-19 เศรษฐกิจสหรัฐฯแบ่งภาพระหว่างผู้อยู่รอด กับผู้ที่ยังต้องดิ้นรนให้มันถ่างมากขึ้นไปอีก

3. ใน Component ของดัชนี S&P 500 เอาเฉพาะหุ้น Technology 5 ยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook, Amazon, Apple (NASDAQ:AAPL), Microsoft และ Alphabet ก็พบว่า มีสัดส่วนสูงถึง 50% ของ Market Cap ดัชนี

โดยหากมองผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงตอนนี้ ก็พบว่า หุ้นเหล่านี้นี่เอง (รวมกับหุ้น Tech อีกกลุ่มหนึ่งซึ่ง Market Cap เล็กกว่า) ที่ลากดัชนีขึ้นมา โดย YTD Performance ของ Information Technology และ Consumer Discretionary และ บวกถึง 34% และ 28% ตามลำดับ ขณะที่ Sector อื่นๆบวกไม่ถึง 10% และมีติดลบด้วยซ้ำ

4. กลับมาดู Performance ของตลาดหุ้นใน ASEAN (รวมไทย) ก็จะเจอว่า ระดับราคายังห่างจากจุดเริ่มเมื่อต้นปีอีกไม่น้อย ขณะที่จีนและสหรัฐฯ YTD ผลตอบแทนเป็นบวกไปแล้ว สาเหตุหลักๆเพราะ MSCI ASEAN มีหุ้นเทคฯคำนวนในตระกร้าแค่ 10% และถ้าเอา Telcom ออก จะเหลือแค่ 0.8% สรุปคือ เรากินบุญเก่าหมดไปนานแล้ว ขาด Growth Engine ตัวใหม่

5. เอาข้อ 1. ถึง 4. มาให้ดู ก็เพื่อจะยืนยันด้วยการให้ดูหลักฐานชัดเจนๆ หุ้นสหรัฐฯวิ่งได้ เพราะหุ้นเทคฯวิ่ง และที่หุ้นเทคฯวิ่งได้ ก็เพราะกำไรออกมาดีจริงๆ ทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเอง หรือเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่น แม้กระทั่งเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ดังนั้น การลงทุนหลังจากนี้ ยังไงเสีย เราก็ยังคงต้องมีหุ้นเทคฯอยู่ในพอร์ตไว้ก่อนไม่มากก็น้อย

6. ปัจจัยอีกตัวที่อยากแชร์ ก็คือ มุมมองในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด เมื่อวันพฤหัส 27 ส.ค. ที่ผ่านมา มีการประชุมที่ Jackson Hole ปรากฏว่า มีการปรับเปลี่ยนแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อจากเดิม Inflation Target กำหนดไว้ที่ 2% เป็นว่า ใช้เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย (Average Inflation) แทน ซึ่งทำให้นักลงทุนในตลาดตีความไปว่า เราจะเห็นเงินเฟ้อเกิน 2% ได้ เฟดค่อยพิจารณาว่าหยุดนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (Easing Policy) เพื่อหนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจ

7. จากสรุปการประชุมของเฟดเอง ก็พบว่า ที่ประชุมคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อระยะยาวอีก 3 ปีข้างหน้า จะอยู่แถวๆ 1.5% ต่ำกว่าเป้าหมายพอสมควร และยิ่งเปลี่ยน Mandate เป็นใช้เงินเฟ้อเฉลี่ย แล้วชาตินี้ เฟดจะได้ขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่เนี่ย??

8. ไปดู Fed Fund Futures ว่านักลงทุนคิดว่าเฟดจะทำอย่างไรกับ Fed Fund Rate ในการประชุมอีก 5 ครั้งในอนาคต ก็พบว่า นักลงทุนตอนนี้เห็นตรงกัน 100% ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.25% นี้ไปถึงอย่างน้อยๆคือ การประชุมในเดือนมี.ค. 2021 โดยตลาดไม่คิดว่า เฟดจะใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ (Negative Rate) แล้วนะครับ

9. ลองพยายามอ่านพฤติกรรมของคนสหรัฐฯ ผ่าน Google (NASDAQ:GOOGL) Mobility ที่แสดงให้เห้นว่าชาวอเมริกันมีแนวโน้มจะเดินทางไปในสถานที่ประเภทต่างๆ เช่น ร้านค้าปลีกและสันทนาการร้านขายของชำ และร้านขายยา สวนสาธารณะ สถานีขนส่ง สถานที่ทำงาน และที่อยู่อาศัยอย่างไร เมื่อเทียบกับก่อนประกาศ Lockdown

และพบว่า มีแค่สวนสาธารณะ ที่คนอเมริกันกล้าออกมาใช้ชีวิตข้างนอก ขณะที่สถานที่อื่นๆยังไม่ได้กลับมาเป็นปกติเหมือนก่อน Lockdown ดังนั้น น่าสนใจว่า Covid-19 มันเปลี่ยนพฤติกรรมของคนไปแล้ว หรือแค่รอว่า วัคซีนมาเมื่อไหร่ ชีวิตปกติก่อน Lockdown ก็จะกลับมา

10. มุมมองทางเทคนิค พบว่า ดัชนี S&P 500 อยู่ใน Overbought Zone เมื่อมองผ่าน RSI ที่ขึ้นไปสูงถึง 79.26 ซึ่งเราไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2018 ก่อนที่ปธน.ทรัมป์จะประกาศสงครามการค้ากับจีน และทำให้ S&P 500 ปรับฐานหลังจากนั้นถึง -11% ภายในระยะเวลาเดือนเดียว ใครจะซื้อตรงนี้ รอได้น่ารอ แต่ถ้าใครถือหุ้นสหรัฐฯไว้อยู่ ตอนนี้ ดัชนี S&P 500 ก็ยังยืนเหนือเส้น Moving Average 20 วัน มาตั้งแต่เดือนก.ค. ก็ถือต่อไปก่อน

Mr.Messenger รายงาน

บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกบนเพจ MrMessengerDiary

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย